ภายใต้การชงกาแฟในคอนเซ็ปต์ “ช้า ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์” ทุกขั้นตอนที่พิถีพิถัน ชวนให้เราชะลอจังหวะชีวิตลง เพื่อสัมผัสกับรสชาติที่แท้จริงของกาแฟแต่ละแก้ว เพราะ Every Cup Tells a Story ทุก ๆ แก้วนั้นมีเรื่องราว ตั้งแต่เมล็ดกาแฟที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี เรื่องราวของดินแดนที่ปลูก วิธีการคั่วที่แตกต่าง รวมไปถึงวิธีการชงของบาริสต้าที่รังสรรค์ทุกขั้นตอนด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ผู้ดื่มได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจ
ทำความรู้จัก ‘กาแฟสโลว์บาร์’ คืออะไร?
กาแฟสโลว์บาร์ คือ การให้เวลากับการชงกาแฟแต่ละแก้วอย่างพิถีพิถัน ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ละขั้นตอนทำด้วยความละเอียดอ่อน ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การควบคุมอุณหภูมิของน้ำ จนถึงการเทน้ำลงบนกากกาแฟอย่างนุ่มนวล ทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่กลมกล่อม หอมกรุ่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมือนกับการสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เป็นแบบนี้เองจึงทำให้กาแฟสโลว์บาร์กลายเป็นงานคราฟต์ที่ล้ำค่ามากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ด้วยความนิยมในกาแฟสโลว์บาร์นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร้านคาเฟ่หลายแห่งมีการหยิบไอเดียนี้มาเป็นจุดขาย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟที่แตกต่างและพิถีพิถัน นอกจากมาเพื่อเสพรสชาติกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว เสน่ห์ของกาแฟสโลว์บาร์คาเฟ่ยังอยู่ที่บรรยากาศการดื่มที่อบอุ่น เป็นกันเอง ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับทุกขั้นตอนของการชงกาแฟ
ความแตกต่างของกาแฟสโลว์บาร์ และ กาแฟทั่วไป
หากอธิบายกันให้เห็นภาพเร็ว ๆ คือ กาแฟสโลว์บาร์ เน้นที่กระบวนการชงที่พิถีพิถัน ใช้เวลาชงทีละแก้ว เน้นการควบคุมอุณหภูมิและเวลา เพื่อโฟกัสรสชาติที่แท้จริงของกาแฟ มากกว่าความเร็วในการเสิร์ฟ เน้นกาแฟดำหลากหลายชนิด อาจมีเมนูพิเศษตามฤดูกาล ในขณะที่ กาแฟทั่วไป หรือที่เราเรียกกันว่า Speed Bar จะใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ใช้ระยะเวลาในการชงเร็วกว่าแบบ Slow Bar รสชาติสม่ำเสมอ เน้นความเข้มข้น มีเมนูหลากหลาย ทั้งกาแฟดำ กาแฟนม และเครื่องดื่มผสมอื่น ๆ เหมาะกับการดื่มใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกดื่มกาแฟสโลว์บาร์หรือกาแฟทั่วไปนั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลจริง ๆ เพราะแต่ละคนมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน
รู้จัก 6 ประเภท การชงกาแฟ Slow Bar รสชาติที่ไม่เหมือนใคร
1. เฟรนช์เพรส (French Press)
การชงกาแฟด้วย French Press เป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ได้รสชาติเข้มข้น โดยใช้วิธีแช่กาแฟในน้ำร้อนประมาณ 3-4 นาที เพื่อให้กาแฟค่อย ๆ สกัดตัวออกมา เมื่อครบเวลา เคล็ดลับสำคัญในการแยกกากกาแฟออกจากน้ำกาแฟ คือ การกดก้านสูบเบา ๆ จนแตะผงกาแฟด้านล่าง แต่ไม่ควรกดอัดผงกาแฟจนแน่นเกินไป เพราะจะทำให้กาแฟขม วิธีนี้จะได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟคั่ว และยังคงมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลเล็กน้อยจากกากกาแฟที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อย
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : เครื่อง French Press
2. แอโรเพรส (Aeropress)
Aeropress เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟที่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรสชาติได้หลากหลาย โดยหลักการทำงานคือการใช้แรงดันอากาศในการดันน้ำร้อนผ่านกาแฟบด ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เทคนิคการชงมีหลากหลายวิธี เช่น การกลับเครื่องก่อนหรือหลังเทน้ำร้อน การแช่กาแฟนานเท่าไหร่ หรือการคนกาแฟกี่ครั้ง ซึ่งแต่ละวิธีจะให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : เครื่อง Aeropress
3. หม้อต้มกาแฟ (Moka Pot)
การใช้หม้อต้มกาแฟค่อนข้างเรียบง่าย แต่มีหลักการที่น่าสนใจ คือ เริ่มจากตั้งหม้อบนเตา ใส่น้ำลงไปในส่วนล่าง แล้วก็ใส่กาแฟบดลงไปในส่วนบน พอนำไปตั้งไฟ น้ำด้านล่างจะเดือดกลายเป็นไอน้ำ แล้วแรงดันจากไอน้ำเนี่ยแหละจะดันน้ำร้อนขึ้นไปผ่านกาแฟบด ทำให้ได้กาแฟเข้มข้นหอมกรุ่นออกมาเลย โดยกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งจะแตกต่างจากการชงกาแฟดริปที่ใช้เวลาในการสกัดนานกว่ามาก ใครอยากรู้จักความคลาสสิกของ Moka Pot ให้มากกว่านี้ไปตามกันต่อได้เลย
สรุปง่าย ๆ คือ น้ำร้อน > เปลี่ยนเป็นไอน้ำ > สร้างแรงดัน > ดันน้ำร้อนผ่านกาแฟบด > ได้กาแฟเอสเปรสโซเข้มข้น
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : Moka Pot
4. ไซฟอน (Syphon)
เจ้าอุปกรณ์ที่เหมือนอยู่ในห้องแล็บนี้ทีชื่อว่า ไซฟอน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เครื่องชงกาแฟสุญญากาศ ถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 1830 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนามว่า Loeff ซึ่งหลักการทำงานของไซฟอน นั้นน่าสนใจมาก เพราะเป็นการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับการชงกาแฟ ทำให้ได้รสชาติที่พิเศษและแตกต่างจากวิธีการชงอื่น ๆ หลักการทำงานของไซฟอนจะใช้แรงดันของไอน้ำในการดึงน้ำร้อนขึ้นไปชงกาแฟ และใช้หลักการควบแน่นของไอน้ำในการดึงกาแฟที่ได้ลงมาด้านล่าง ทำให้ได้กาแฟที่ใสสะอาดและมีรสชาติที่นุ่มนวล
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : เครื่อง Syphon (Vacuum Coffee)
5. ดริปกาแฟ (Drip Coffee)
การดริปกาแฟนั้นเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน โดยหลัก ๆ แล้ว การดริปกาแฟคือการเทน้ำร้อนผ่านกาแฟบดที่อยู่บนตัวกรองทีละน้อย ๆ เพื่อให้ได้กาแฟที่รสชาติกลมกล่อมและหอมละมุน เมื่อน้ำร้อนสัมผัสกับกาแฟบด น้ำก็จะค่อย ๆ ดึงรสชาติกาแฟออกมา ทำให้ได้กาแฟที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ความรู้สึกของการได้เห็นสีน้ำตาลทองค่อย ๆ ไหลผ่านตัวกรอง พร้อมกลิ่นหอมกรุ่นที่ลอยอบอวล เป็นเหมือนช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนจิตใจสุด ๆ
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : เครื่องชงดริป (Dripper) / กระดาษกรองกาแฟ (Filter Paper)
6. สกัดเย็น (Cold Brew)
การสกัดเย็น นั้นใช้วิธีการแช่กาแฟบดในน้ำเย็นเป็นเวลานานหลายชั่วโมง หลังจากนั้นจึงทำการกรองกาแฟออก อัตราส่วนของกาแฟต่อน้ำสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ แต่โดยทั่วไปจะใช้กาแฟต่อน้ำ 1:5 และสิ่งสำคัญของการทำกาแฟสกัดเย็น คือ เวลาในการแช่ ที่จะส่งผลต่อความเข้มข้นของกาแฟโดยตรง ซึ่งรสชาติที่ได้จะแตกต่างออกไปจากการใช้ความร้อน โดยจะได้กาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อม นุ่มนวลเบา ๆ นอกจากนี้ การสกัดเย็นยังช่วยลดความขมและความเปรี้ยวของกาแฟอีกด้วย แม้จะใช้เวลานานกว่าวิธีชงกาแฟแบบอื่น แต่รสชาติที่ได้นั้นคุ้มค่าการรอคอยจริง ๆ
อุปกรณ์หลักที่ใช้ : โถแก้ว / กระดาษกรองกาแฟ
ชวนทำกาแฟสโลว์บาร์ยุคใหม่ ด้วยเครื่องชงกาแฟ Doppio
เข้าใจผิดกันบ่อย ๆ ว่ากาแฟสโลว์บาร์จะต้องชงด้วยวิธีดั้งเดิมเท่านั้น จริง ๆ แล้ว สโลว์บาร์เน้นที่กระบวนการชงที่ใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่ออกมาดีที่สุด ซึ่งเครื่องทำกาแฟสมัยใหม่หลายรุ่นก็สามารถตอบโจทย์แนวคิดนี้ได้เป็นอย่างดี และหนึ่งในนั้นคือเครื่องชงกาแฟ Doppio จาก Beno
Doppio เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดกระทัดรัด ดีไซน์มินิมอลที่ฟังก์ชันครบครัน มีหน้าจอดิจิตอลที่ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปริมาณกาแฟบด เพื่อควบคุมความเข้มข้นของรสชาติ หรือการตั้งเวลาสกัดกาแฟที่นานขึ้น เพื่อให้กาแฟสกัดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ Doppio ยังสามารถปรับตั้งอุณหภูมิของน้ำร้อนได้ตามต้องการ มาพร้อมฟังก์ชัน Pre-infusion ที่จะทำให้การสกัดกาแฟออกมาสม่ำเสมอ ได้เป็นกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมเข้มข้น ไม่ว่าจะมือใหม่หัดชง หรือหรือบาริสต้ามืออาชีพก็ตอบโจทย์ เหมาะกับร้านกาแฟขนาดเล็กและ Home Use บอกเลยว่าใครที่ใช้เครื่องชงกาแฟ Doppio คุณสามารถสร้างประสบการณ์การทำกาแฟสโลว์บาร์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดเลย!
อยากชงกาแฟอร่อย ๆ ดื่มเองที่บ้าน ต้องมี Beno คู่ใจ! ตอนนี้มีโปรโมชั่นดี ๆ ให้สาวกคอกาแฟได้ช้อปเพลิน ๆ ลดไปเลย 200 บาท เมื่อใส่โค้ด BENOA200 ที่ Shopee รีบเลย!