ชาที่นิยมดื่มกันมีหลายชนิดมาก ทั้งชาไทย ชาเขียว ชาญี่ปุ่น โฮจิฉะ มัทฉะ ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน แต่มีชาชนิดหนึ่งที่กำลังมาแรงและน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ "โฮจิฉะ" ชาเขียวคั่วจากญี่ปุ่นที่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ วันนี้จะพาไปท่องโลกของชาเขียวกัน พร้อมเคลียร์จบประเด็น โฮจิฉะ กับ มัทฉะ แตกต่างกันอย่างไร? ใช่ชาตัวเดียวกันไหน? ไปดูกัน
โฮจิฉะ คืออะไร
โฮจิฉะ คือ ชาเขียวคั่ว มาจากคำว่าโฮจิ (Hoji) แปลว่า คั่ว และ ฉะ (Cha) ที่แปลว่า ชา นั่นเอง โดยจะนำชาเขียวไปผ่านกระบวนการคั่วที่อุณหภูมิ 200-300 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นจะถูกนำไปเข้ากระบวนการทำให้เย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้โฮจิฉะมีสีเข้มขึ้น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่แตกต่างจากชาเขียวทั่วไป เป็นกลิ่นคั่วอ่อน ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโฮจิฉะ
นอกจากนั้นด้วยกระบวนการคั่วทำให้สารคาเทชินและคาเฟอีนที่อยู่ในโฮจิฉะลดลง ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารที่ทำให้เกิดรสขมในชา ดังนั้นโฮจิฉะจึงเป็นชาเขียวที่ดื่มง่าย นุ่ม ละมุนไม่ฝาด เพราะมีคาเฟอีนน้อยกว่าชาเขียว
โฮจิฉะ มีประโยชน์อย่างไร
โฮจิฉะมีส่วนผสมที่มีประโยชน์หลายอย่างและเมื่อดื่มเป็นประจำยังมีประโยชน์มากมาย
1. ช่วยปรับระดับคอเรสเตอรอลให้ดีขึ้น
ในโฮจิฉะมีสารคาเทชินเหมือนชาเขียว ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดระดับคลอเตอรอล แต่มีรสขมและคาเฟอีนน้อยกว่าชาเขียวแบบอื่น จึงทำให้ดื่มง่ายกว่า เด็กก็สามารถดื่มได้ และสามารถดื่มได้ตลอดทั้งวัน
2. บำรุงสายตา
ในโฮจิฉะอุดมไปด้วยวิตามินเอซึ่งเป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตา เมื่อดื่มโฮจิฉะเป็นประจำจึงช่วยบำรุงสายตาให้ดีขึ้น
3. ป้องกันหวัดและดูแลผิวพรรณ
นอกจากวิตามินเอแล้ว ใจโฮจิฉะยังมีวิตามินซีและอีในปริมาณสูง จึงช่วยบำรุงสายตา ป้องกันหวัด และยังทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น สุขภาพดีขึ้นกว่าเดิม
4. ช่วยลดน้ำหนัก
สารคาเทชินในชาเป็นสารที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย และช่วยลดการสะสมไขมันใหม่โดยไม่มีผลข้างเคียง
5. ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์
ในโฮจิฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก เมื่อดื่มเป็นประจำจึงช่วยให้ลดความเสื่อมของเซลล์ และลดโอกาสการเกิดเซลล์มะเร็งด้วย
6. โฮจิฉะช่วยคลายความเครียด
กลิ่นหอมของโฮจิฉะช่วยให้ผ่อนคลาย เมื่อดื่มโฮจิฉะที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จึงช่วยลดความเครียดได้
โฮจิฉะ vs. มัทฉะ ต่างกันอย่างไร
โฮจิฉะและมัทฉะก็คือชาเขียวเหมือนกัน มัทฉะก็คือชาเขียวชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาในรูปแบบผง ไม่ได้เป็นใบชาแห้ง ลักษณะเป็นผงสีเขียวที่ได้จากการบด เมื่อชงแล้วจะได้น้ำชาหรือมัทฉะที่สีเขียว และมีลักษณะเป็นครีมข้น มีรสชาติหวานกว่า ส่วนโฮจิฉะนั้นคือการนำชาเขียวไปคั่ว จนชาเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ดังนั้นมัทฉะกับโฮจิฉะก็คือชาเขียวเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่กระบวนการผลิต จนทำให้มีรสชาติที่แตกต่างกัน
โฮจิฉะ (Hojicha)
- การผลิต: ใบชาเขียวจะถูกนำไปคั่วในอุณหภูมิสูง จนมีสีน้ำตาลเข้มและมีกลิ่นหอมคล้ายถั่ว
- รสชาติ: มีรสชาติกลมกล่อม ไม่ขมมากนัก มีกลิ่นหอมถั่ว และมีรสหวานเล็กน้อยจากธรรมชาติ
- คาเฟอีน: มีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่ามัทฉะ เนื่องจากกระบวนการคั่วทำให้คาเฟอีนลดลง
- สี: น้ำชาจะมีสีน้ำตาลอ่อน
มัทฉะ (Matcha)
- การผลิต: ใบชาเขียวจะถูกบดเป็นผงละเอียดหลังจากผ่านการอบนึ่ง
- รสชาติ: มีรสชาติขมเล็กน้อย มีกลิ่นหอมทะเลสาบ และมีรสชาติหวานนิด ๆ
- คาเฟอีน: มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่าโฮจิฉะ เนื่องจากการดื่มมัทฉะจะรวมถึงการบริโภคใบชาทั้งหมด
- สี: น้ำชาจะมีสีเขียวสดใส
รวมสูตรสารพัดชาเขียวลาเต้
1. เมนูโฮจิฉะลาเต้
โฮจิฉะลาเต้ก็คือเมนูชาโฮจิฉะใส่นม ซึ่งจะได้ชาโฮจิฉะที่หอมกลิ่นคั่วและมีสีออกน้ำตาลแดง ตัวชาโฮจิฉะเองเป็นชาที่มีรสขมน้อย และมีคาเฟอีนน้อย จึงให้รสชาติที่ละมุนกว่าชาประเภทอื่น เมื่อผสมนมลงไปจึงได้เครื่องดื่มที่รสละมุน กลมกล่อม ดื่มง่ายและมีกลิ่นหอมของชา และกลิ่นคั่วอ่อน ๆ ด้วย ปัจจุบันโฮจิฉะเป็นที่นิยมอย่างมาก หลายคาเฟ่สร้างสรรค์เมนูโฮจิฉะออกมา โดยเฉพาะเมนูโฮจิฉะลาเต้ที่ให้รสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล ดื่มง่าย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แล้วโฮจิฉะลาเต้รสชาติเป็นยังไง มีส่วนผสมอะไรบ้าง ทำยังไงถึงจะได้โฮจิฉะลาเต้แสนอร่อย ไปดูกันเลย
วิธีทำเมนูโฮจิฉะลาเต้
ส่วนผสมสำหรับ 1 ที่
- ผงชาโฮจิฉะ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 15 มล.
- นมสดรสจืดแบบเย็น 150 มล.
วิธีทำ
- ชงชาโฮจิฉะในน้ำร้อน และปรุงรสด้วยน้ำตาล
- คนผงชาและน้ำตาลให้ละลายเข้ากัน
- รอให้ชาหายร้อน แล้วผสมชาที่ชงเรียบร้อยแล้ว เข้ากับนมสด
- คนชากับนมให้เข้ากัน
- เสิร์ฟโฮจะฉะลาเต้ร้อนได้เลย
- หากต้องการดื่มแบบเย็นสามารถเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของชาและน้ำตาลให้รสชาติจัดขึ้น แล้วเทลงบนน้ำแข็งได้เลย
วิธีทำเมนูโฮจิฉะแฟรปเป้
ส่วนผสม
- ผงชาโฮจิฉะ 2-3 ช้อนชา
- น้ำเชื่อม 50 มล.
- นมข้นหวาน 70 มล.
- นำ้แข็ง 1 แก้ว
- วิปปิ้งครีมตามชอบ
วิธีทำ
- ปั่นนมสด นมข้นหวานและน้ำเชื่อมให้เข้ากัน
- ใส่ผงโฮจิฉะ แล้วปั่นต่อจนผงชาละลายหมด
- เทน้ำแข็งลงไปปั่นให้เนียน
- ใส่แก้วแล้วตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีม
2. เมนูมัทฉะลาเต้เย็น
มัทฉะลาเต้ คือ เครื่องดื่มสุดคลาสสิกที่ผสมผสานความขมกลมกล่อมของผงมัทฉะเข้มข้นเข้ากับความหอมมันของนมสด ได้รสชาติที่ลงตัวและกลิ่นหอมชวนดื่ม กลายเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน สามารถทำดื่มเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านในเวลาไม่ถึงนาที และปรับเปลี่ยนรสชาติได้หลากหลาย แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่เข้าใจผิดว่า มัทฉะลาเต้เย็น คือ กาแฟ + มัทฉะ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่ การที่มีคำว่าลาเต้ต่อท้าย แปลว่าเครื่องดื่มนั้นมีนมเป็นส่วนผสมนั่นเอง
วิธีทำเมนูมัทฉะลาเต้เย็น
ส่วนผสม
- ผงมัทฉะ 3 กรัม (~1.5 ช้อนชา)
- น้ำอุ่น 40 ml.
- นมสด 150 ml.
- น้ำเชื่อม 10 ml. (~2 ช้อนชา)
- น้ำแข็ง
วิธีทำ
- ร่อนผงมัทฉะลงในชามผสม เพื่อให้ผงชาละเอียดและไม่มีก้อน จากนั้นค่อยๆ เทน้ำร้อนลงไปเล็กน้อย แล้วใช้ชาเซนหรือเครื่องตีฟองนม ตีให้ผงชาละลายเข้ากับน้ำจนเกิดฟองสีเขียวสวยงาม พักไว้
- เทนมสดใส่แก้ว ตามด้วยน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน
- เติมน้ำแข็งประมาณครึ่งแก้ว ไม่ควรเติมจนเต็ม
- จากนั้นเทมัทฉะที่ตีไว้ลงบนนมเย็น ๆ ช้า ๆ เพื่อให้เกิดเป็นชั้นที่สวยงาม
ชงชาเขียวได้หอมอร่อย กลมกล่อมกว่าเดิมด้วย BN-3 Milk Touch
@benothailand จะชาเขียว ชาไทย หรือกาเเฟก็สามารถใช้กับเครื่องได้ BN3 Milk Touch มาพร้อมปุ่มกดแบบสัมผัสด้านบน ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเก่าแน่นนอนค่า พร้อมรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี กดสั่งได้เลยค่า 👇🏻✨#benothailand #coffeelover #cafe #coffee #สายอุปกรณ์ #สายกาแฟ #โฮมคาเฟ้ #เครื่องดื่ม #อุปรกณ์กาแฟ #เข็มเกลี่ยผงกาแฟ #homecafe #คลังเครื่องดื่ม #bn3milk #bn3milktouch #ชาเขียว ♬ atyourbest - eli 🙏🏾
ถึงแม้ว่าโฮจิฉะจะเป็นชา ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แต่โฮจิฉะคือชาที่มีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่าชาประเภทอื่น จึงทำให้ดื่มได้ทั้งวัน แถมยังช่วยเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในช่วงเย็น โดยไม่ต้องพึ่งพากาแฟแล้วกังวลว่าจะนอนไม่หลับอีกด้วย สำหรับผู้ที่หลงใหลในรสชาติของทั้งกาแฟและชาเขียว BN-3 Milk Touch คือตอบโจทย์ เพราะเขาชงได้ทั้งใบชา กาแฟบด หรือแคปซูลกาแฟ ตีฟองนมได้หนานุ่มแบบฟินสุด ๆ ทำให้ดื่มด่ำกับเมนูแสนอร่อยได้เลิศกว่าเดิม ช่วงนี้โปรแรง รับส่วนลดเต็ม ๆ 200 บาท เมื่อใช้โค้ด BENOA200 ที่ Shopee Thailand