สำหรับนักดื่มกาแฟมือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นหรือแม้แต่คนที่เคยดื่มกาแฟบ่อย ๆ ก็อาจจะเคยรู้สึกงง ๆ กับเมนูกาแฟที่หลากหลายและชื่อกาแฟที่แปลกตาเกินคาด บางครั้งเข้าไปในร้านกาแฟก็อาจถึงกับต้องยืนนิ่งไม่รู้จะสั่งอะไรดี เพราะเมนูกาแฟที่มีให้เลือกทั้งคาปูชิโน่ ลาเต้ อเมริกาโน่ แม้แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจริง ๆ ของแต่ละเมนูมันเป็นยังไงกันแน่ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับชื่อเมนูกาแฟต่าง ๆ เพื่อจะได้สัมผัสรสชาติที่คุณชอบที่สุดอย่างตรงใจ!
ชื่อเมนูกาแฟมีอะไรบ้าง? แต่ละเมนูใส่อะไรบ้าง?
เริ่มจากเมนูกาแฟ (Coffee Menu) กันก่อน ถึงแม้ว่ากาแฟบางเมนูจะมีส่วนผสมเหมือนกัน เช่น กาแฟ นม แต่ก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันตามสัดส่วนและวิธีการปรุง ลองมาดูกันเลยว่าแต่ละเมนูต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ลาเต้
ลาเต้หรือกาแฟนม Latte หรือ Caffè Latte เป็นกาแฟที่ประกอบไปด้วยเอสเปรสโซ่หนึ่งหรือสองช็อตนมนึ่งจำนวนมาก และปิดท้ายด้วยนมฟองบาง ๆ อยู่ด้านบน ลาเต้เป็นเมนูที่คนมักจะสับสนกับคาปูชิโน่เพราะมีส่วนผสมของกาแฟ นม และฟองนมเช่นกัน แต่ลาเต้จะให้รสชาติที่นุ่มนวลของนม หวานมัน มีรสขมของกาแฟเพียงเล็กน้อยเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกาแฟเข้ม เพราะลาเต้จะมีส่วนผสมของเอสเปรสโซ่เพียง 1 ใน 3 และอีก 2 ใน 3 จะเป็นนมนอกจากนั้นลาเต้ยังมีเอกลักษณ์ที่คนจะต้องนึกถึงคือ Latte Art หรือการวาดลวดลายด้วยฟองนมลงบนผิวหน้าของกาแฟที่เหล่าคาเฟ่และบาริสต้าพากันสร้างสรรค์ขึ้นมา
ลาเต้ ใส่อะไรบ้าง: เอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + นมร้อน
2. เอสเปรสโซ่
เอสเปรสโซ่เป็นกาแฟพื้นฐานของเมนูกาแฟทุกชนิด คำว่าเอสเปรสโซ่ในภาษาอิตาลีแปลว่า บีบอัดออกมา หรือ คั้นออกมา ซึ่งมีที่มาจากกรรมวิธีการสกัดกาแฟ โดยใช้แรงดันบีบอัดน้ำร้อนให้ไหลผ่านเมล็ดกาแฟบดอย่างรวดเร็ว จนออกมาเป็นน้ำกาแฟเข้มข้น และมีชัั้นฟองครีมของกาแฟอยู่ด้านบน สำหรับเมนูเอสเปรสโซ่ก็คือน้ำกาแฟสกัดแบบเข้มข้นนั่นเอง โดยจะเสิร์ฟด้วยถ้วยกาแฟขนาดเล็ก ไม่ปรุงรสชาติอื่นเพิ่มเติม และเสิร์ฟแบบร้อนเท่านั้น แต่เอสเปรสโซ่สไตล์ไทยนั้นเหนือชั้นกว่า ด้วยการประยุกต์เมนูมาเป็นรูปแบบเย็นที่จะปรุงรสชาติด้วยนมสดและนมข้นหวาน ให้ความเข้มขมหวานมัน
เอสเปรสโซ่ ใส่อะไรบ้าง: กาแฟบดละเอียด 1 ช็อต (ประมาณ 30 มล.)
3. คาปูชิโน่
คาปูชิโน่เป็นกาแฟใส่นมแบบเข้มข้น คาปูชิโน่และเอสเพรสโซมีปริมาณคาเฟอีนเท่ากัน ดังนั้นจึงมีความเข้มข้นที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่คาปูชิโน่จะให้รสชาติที่ละมุนกว่าเพราะมีส่วนผสมของนมและฟองนม คาปูชิโน่เริ่มต้นด้วยเอสเพรสโซ่ช็อต ตามด้วยนมร้อน และสุดท้ายมีฟองนมอยู่ด้านบน ซึ่งจะมีปริมาณนมเมื่อเทียบกับสัดส่วนของกาแฟน้อยกว่าเมนูลาเต้นั่นเอง
คาปูชิโน่ ใส่อะไรบ้าง: เอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + นมร้อน + ฟองนม
4. มัคคิอาโต้
มัคคิอาโต้ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มักทำให้สับสน มัคคิอาโต้เป็นเครื่องดื่มกาแฟเอสเปรสโซ ราดด้วยฟองนมหรือนมจำนวนเล็กน้อยเพื่อให้ได้รสชาติของกาแฟ เอสเปรสโซ่ ดังนั้นมัคคิอาโต้จึงเป็นกาแฟใส่นมที่สัดส่วนของนมน้อยที่สุด ยังคงให้รสชาติขมจากกาแฟเอสเปรสโซ่อยู่ แต่ก็ให้รสหวานจากนมเล็กน้อยด้วย
มัคคิอาโต้ ใส่อะไรบ้าง: เอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + ฟองนม
5. อเมริกาโน่
อเมริกาโน่คือเอสเปรสโซ่ที่ผสมกับน้ำ ซึ่งสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนแบบเย็น เป็นการเสิร์ฟเอสเปรสโซ่แบบเจือจางเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น แต่ยังคงรสชาติที่โดดเด่นของกาแฟ หากต้องการดื่มกาแฟที่ไม่เข้มข้นมากก็สามารถเติมน้ำในสัดส่วนที่มากกว่าได้ ต้นกำเนิดของอเมริกาโน่มาจากเหล่าทหารอเมริกันที่เดินทางไปรบยังอิตาลี แล้วรู้สึกว่ากาแฟเอสเปรสโซ่เข้มข้นเกินไป จึงเติมน้ำร้อนเพื่อเจือจาง กาแฟชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า อเมริกาโน่
อเมริกาโน่ ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + น้ำเปล่า
6. อัฟโฟกาโต้
อัฟโฟกาโต้ Affogato คือ เมนูกาแฟที่ถือกำเนิดจาก อิตาลี ซึ่งเมนูนี้ได้รวมสองสิ่งที่ขึ้นชื่อของอิตาลีเข้าด้วยกัน คือ เอสเปรสโซ่และเจลาโต้ (Gelato) หรือไอศครีมแบบอิตาลี โดยนำกาแฟเอสเปรสโซ่ที่เข้มข้น ผสมกับไอศครีมเจลาโต้รสวนิลาที่หวานละมุน ให้รสชาติที่หวานหอมของไอศครีมตัดกับรสเข้มขมของกาแฟ และความร้อนจากกาแฟเอสเปรสโซ่ทำให้ไอศครีมวนิลาละลายลงช้า ๆ คำว่าอัฟโฟกาโต แปลว่า ถูกทำให้จม โดยสิ่งที่จมลงในกาแฟก็คือเจลาโต้หรือไอศครีมนั่นเอง
อัฟโฟกาโต้ ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + ไอศกรีมรสวานิลลา
7. แฟลตไวท์
แฟลตไวท์เป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟนม โดยแฟลตไวท์มีต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลีย เป็นกาแฟใส่นมร้อน แต่จะแตกต่างจากลาเต้ที่ไม่มีโฟมนมอยู่ด้านบน รสชาติของแฟลตไวท์จะใกล้เคียงกับลาเต้มาก สัดส่วนของนมกับกาแฟจะใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่น แฟลตไวท์จะใช้เอสเปรสโซ่ 1 ช็อต ผสมกับนมอุ่นที่อุณหภูมิพอเหมาะจนเต็มแก้ว ในขณะที่ลาเต้จะใส่นมอุ่น และเหลือพื้นที่สำหรับใส่ฟองนมไว้ด้านบน
แฟลตไวท์ ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + นมร้อน (นมที่ตีจนมีฟองเล็ก ๆ)
8. แฟรปปูชิโน่
แฟรปปูชิโน่ เป็นประเภทของกาแฟปั่นเย็นที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ซึ่งมีเนื้อสัมผัสละเอียดและเนียนเหมือนน้ำแข็งบด แฟรปปูชิโน่จะมีรสชาติที่หวานเย็น สดชื่น และมักจะมีการตกแต่งด้วยวิปครีมที่ด้านบนเพื่อเพิ่มความอร่อยและความสวยงามให้กับเครื่องดื่ม สำหรับคนที่ชอบกาแฟที่ไม่ขมเกินไปและต้องการความเย็นสดชื่นในช่วงอากาศร้อน
แฟรปปูชิโน่ ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ + นม + น้ำแข็ง + วิปครีม (ตกแต่ง)
9. กาแฟมะพร้าว
กาแฟมะพร้าว กาแฟสุดครีเอทที่ผสมอเมริกาโน กับน้ำมะพร้าวหวานหอม สำหรับคนที่ไม่ชอบความหวานหอมของนม หรือแพ้นม กาแฟมะพร้าวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
กาแฟมะพร้าว ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + น้ำมะพร้าว
10. กาแฟส้ม
กาแฟส้ม รสเปรี้ยวอมหวานผสมผสานกับรสขม เพิ่มความสดชื่นเย็นชื่นใจระหว่างวัน ให้รสขมซ่อนเปรี้ยว แต่เมนูกาแฟส้มนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นเมนูปราบเซียนที่จะชงให้อรอ่ย เพราะรสชาติที่ตรงข้ามกัน หากผสมไม่ลงตัวรสชาติอาจจะแปลกจนดื่มไม่ได้เลยก็มี
กาแฟส้ม ใส่อะไรบ้าง: กาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต + น้ำส้ม
เมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ทำเมนูกาแฟ มีอะไรบ้าง
เมล็ดกาแฟที่นำมาใช้ทำกาแฟก็มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน และเหมาะกับเมนูกาแฟที่แตกต่างกัน มาดูกันเลยว่ากาแฟมีกี่ชนิด
1. กาแฟโรบัสต้า
กาแฟโรบัสต้านั้นเป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมถึง 20% รองลงมาจากสายพันธุ์อาราบิก้า เมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่า รสชาติเข้ม ขม นิยมนำไปทำเป็นกาแฟสำเร็จรูป หรือปรุงเป็นเมนูกาแฟเย็น หรือปั่น
2. กาแฟอาราบิก้า
กาแฟอราบิก้าเป็นเมล็ดกาแฟที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีปริมาณคาเฟอีนที่ไม่สูงมาก รสชาติกลมกล่อม นุ่มนวล และยังมีรสชาติหวานเล็กน้อยเมื่อนำมาสกัดเป็นกาแฟ เหมาะกับการทำเป็นเมนูร้อน เพราะมีรสชาติที่นุ่มละมุนช่วยทำให้กาแฟร้อนดื่มง่ายขึ้น และได้กลิ่นหอมของกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์
3. กาแฟเอ็กซ์เซลซ่า
กาแฟเอ็กเซลซ่าเป็นกาแฟที่่ค้นพบในช่วงศตวรรณที่ 20 แต่ก็เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ยังได้รับความนิยมน้อย เนื่องจากระยะยาวการสุดที่ค่อนข้างช้า และการเก็บเกี่ยวที่ยาก ปัจจุบันเมล็ดกาแฟเอ็กซ์เซลซ่าจึงไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่ได้ถูกนำมาใช้เป็นต้นตอสำหรับต่อกิ่งให้กับอราบิก้าและโรบัสต้า เนื่องจากรากที่โตเร็ว และต้านทานโรคได้ดีกว่า
4. กาแฟลิเบอริก้า
กาแฟลิเบอริก้า (Liberica Coffee) เป็นสายพันธุ์กาแฟที่สามารถปลูกและดูแลได้ง่ายเหมือนกับโรบัสต้า มีต้นกำเนิดของพันธุ์มาจากแอฟริกา เป็นพันธุ์กาแฟพื้นเมืองของแองโกล่า ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีการนำไลเบริก้าเพียงอย่างเดียวมาทำเป็นกาแฟสำหรับดื่ม เพราะคุณภาพของกาแฟไม่ดีนัก จึงมักจะถูกนำไปผสมกับเมล็ดกาแฟชนิดอื่นเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่มีความแตกต่างออกไป
คำถามเกี่ยวกับเมนูกาแฟต่างๆ
มาพบกับข้อสงสัยเกี่ยวกับเมนูกาแฟต่าง ๆ ที่นักดื่มมักสงสัยกัน
1. กาแฟผสมโกโก้เรียกว่าอะไร
กาแฟมอคค่า คือเมนูที่มีการผสมโกโก้ลงไป เพื่อเลียนแบบเมล็ดกาแฟที่มาจากมอคค่าประเทศเยเมนซึ่งมีกลิ่นคล้ายกับโกโก้ หลังจากนั้นกาแฟผสมโกโก้จึงถูกเรียกว่ามอคค่า
2. กาแฟผสมกับอะไรได้บ้าง
นอกจากนมแล้ว กาแฟยังนิยมผสมกับน้ำผลไม้ หรือโซดา เพื่อรสชาติที่แปลกใหม่ โดยผลไม้ที่เป็นที่นิยมได้แก่ มะพร้าว ส้ม พีช หรือน้ำหวานจากผักผลไม้อื่น ๆ เช่น น้ำอ้อย น้ำตาลสด ก็ให้ความหวานหอมที่อร่อยลงตัว ลองผสมกาแฟกับเครื่องดื่มอื่นที่คุณชื่นชอบ เพื่อสร้างสรรค์เมนูแก้วใหม่กันเถอะ
3. เมนูกาแฟอะไรที่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสขม?
สำหรับคนที่ไม่ชอบรสขมของกาแฟ แนะนำให้ลองเมนูกาแฟที่มีส่วนผสมของนม เช่น ลาเต้ และ คาปูชิโน ซึ่งรสชาติจะนุ่มนวล หวานมันจากนม ช่วยกลบรสขมของกาแฟได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ มอคค่า ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพราะมีส่วนผสมของช็อกโกแลตที่ช่วยเพิ่มความหวานและกลมกล่อมให้กับกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟก็มีผลต่อรสชาติเช่นกัน ลองเลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วกลางหรือคั่วอ่อน ซึ่งจะมีความขมน้อยกว่ากาแฟคั่วเข้ม
4. กาแฟประเภทไหนที่มีฟองนมมากที่สุด?
กาแฟที่มีฟองนมมากที่สุดคือ คาปูชิโน (Cappuccino) เพราะคาปูชิโน่จะใช้ฟองนมที่ตีจนขึ้นฟูและมีความหนามาก ซึ่งทำให้กาแฟดูนุ่มนวลและฟูฟ่องบนผิว นอกจากนี้ยังมีความหอมจากฟองนมที่ทำให้รสกาแฟไม่ขมเกินไป เหมาะกับคนชอบดื่มกาแฟที่ไม่เข้มเกินไป
5. กาแฟเย็นควรใส่น้ำแข็งก่อนหรือหลังเทกาแฟ?
ควรใส่น้ำแข็งก่อนเทกาแฟ การใส่น้ำแข็งก่อนจะช่วยให้กาแฟไม่ละลายเร็วเกินไปและยังคงความเย็นสดชื่นได้ดี เมื่อน้ำแข็งใส่ก่อน การเทกาแฟลงไปจะทำให้กาแฟเย็นทันที และช่วยให้รสชาติไม่ขมมากจากการสัมผัสกับน้ำแข็งที่เริ่มละลาย
6. การชงกาแฟเอสเปรสโซ่ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง?
การชงกาแฟเอสเพรสโซสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ชงกาแฟที่มีและความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการดริปกาแฟ หรือชงกาแฟแบบ AeroPress แต่วิธีที่สะดวกและเป็นที่นิยมที่สุด คือการใช้เครื่องชงกาแฟ เพราะสะดวกรวดเร็ว ควบคุมรสชาติและคุณภาพของกาแฟได้อย่างสม่ำเสมอทุกแก้ว และทำเมนูกาแฟได้หลากหลายชนิด โดยเครื่องมือหลัก ๆ ที่ต้องใช้คือ
- เครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่: ใช้สำหรับการสกัดกาแฟโดยการผ่านน้ำร้อนผ่านกาแฟบดละเอียดด้วยแรงดันสูง
- เครื่องบดกาแฟ: กาแฟที่ใช้ในการทำเอสเพรสโซต้องบดให้ละเอียดมาก การบดกาแฟเองจะช่วยให้ได้กาแฟที่สดใหม่และรสชาติดี
- เทมเปอร์: ใช้ในการอัดกาแฟบดในพอร์ตฟิลเตอร์ให้แน่น เพื่อให้การสกัดกาแฟมีประสิทธิภาพ
- พอร์ตฟิลเตอร์: ส่วนที่ใช้ใส่กาแฟบดและเชื่อมต่อกับเครื่องชงกาแฟ
เมนูกาแฟไหนก็เอาอยู่ เพียงมีเครื่องชงกาแฟ BENO อร่อยสดใหม่ได้ทุกวัน
เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้ว คำถามที่เคยค้างคาใจอย่าง "กาแฟมีกี่ชนิด?" หรือ "เมนูกาแฟมีอะไรบ้าง?" จะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณอีกต่อไป อีกทั้งยังเห็นอีกว่ากาแฟแต่ละชนิดก็มีความหลากหลายมาก ๆ แม้จะมาจากเบสกาแฟอย่างเอสเปรสโซ่เป็นหลัก แต่ทุกเมนูก็ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังสามารถปรับระดับความเข้มของกาแฟได้ดั่งใจอีกด้วย
เครื่องชงกาแฟ Beno เครื่องเดียวเอาอยู่! ชงกาแฟได้หลากหลายแบบ ทั้งเอสเปรสโซ่ คาปูชิโน่ หรือจะดริปก็ได้หมด แถมยังปรับตั้งอุณหภูมิและระดับน้ำได้ตามใจชอบ ครบฟังก์ชันสำหรับบาริสต้ามืออาชีพ ไปสนุกกับการสร้างสรรค์กาแฟสูตรใหม่ ๆ ได้ทุกวัน พร้อมส่วนลดเต็ม ๆ 200 บาท เมื่อใช้โค้ด BENOA200 ที่ Shopee Thailand