เมื่อพูดถึง เกอิชา (Geisha) หลายคนอาจนึกถึงสาวญี่ปุ่นสวย ๆ แต่ในโลกของกาแฟแล้ว เกอิชา คือ สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้าที่มีชื่อเสียงอย่างมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ด้วยราคาที่สูงลิ่ว และความพิเศษเฉพาะตัว ที่หาได้ยาก ทำให้กาแฟเกอิชากลายเป็นที่ต้องการของคอกาแฟและผู้ที่หลงใหลในรสชาติกาแฟพิเศษ แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมกาแฟเกอิชาที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ ในวงการกาแฟ ถึงได้มีราคาที่สูงนัก? แล้วมันอร่อยสมคำร่ำลือ หรือแค่เป็นกระแสที่ใคร ๆ ก็ต้องตาม? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกันว่า Geisha Coffee คืออะไร? ทำไมกาแฟสายพันธุ์นี้ถึงครองใจใครหลายคน
กาแฟเกอิชา (Geisha Coffee) มาจากไหนกันแน่?

ต้นกำเนิดที่แท้จริงของ Geisha (ซึ่งบางครั้งก็เรียกว่า Gesha) มาจากป่า Gori Gesha ในประเทศเอธิโอเปีย ดินแดนต้นกำเนิดกาแฟของโลกนั่นเอง ซึ่งนักวิจัยได้ค้นพบเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้จากป่าลึก ในปี ค.ศ. 1930 และนำไปทดลองปลูกในหลายประเทศ จนมาถึงปี ค.ศ. 1960 การทดลองปลูกได้เกิดขึ้นที่ปานามาซึ่งสภาพภูมิประเทศและอากาศที่นี่ โดยเฉพาะในแถบภูเขาอย่างเมือง โบเกเต้ (Boquete) นั้นช่างเหมาะสมกับ Geisha อย่างไม่น่าเชื่อ! พื้นที่สูง ดินดี อากาศเย็น ความชื้นพอเหมาะ และแสงแดดอ่อน ๆ ทำให้ Geisha เติบโตอย่างสมบูรณ์แบบ และได้รสชาติเฉพาะตัวออกมาจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก!
รสชาติ Geisha ความหอมหวานที่ดื่มด่ำได้ไม่รู้ลืม!
คอกาแฟที่ได้ลิ้มลอง Geisha Coffee มักจะหลงใหลในรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ซับซ้อนและน่าค้นหา กาแฟสายพันธุ์นี้โดดเด่นด้วย
- กลิ่นหอมของดอกไม้: คุณจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ เช่น ดอกมะลิ ที่ชัดเจน เหมือนได้จิบกาแฟท่ามกลางสวนดอกไม้
- รสชาติผลไม้ที่ซับซ้อน: มาพร้อมความหวานฉ่ำแบบผลไม้สุก ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานคล้ายเบอร์รี่ หรือได้รสชาติคล้ายช็อกโกแลต น้ำผึ้ง หรือแม้แต่ชาดำ เลยก็มี
- เนื้อสัมผัสบางเบาคล้ายชา: ให้ความรู้สึกละมุนลิ้น ดื่มง่าย ทำให้ทุกหยดของ Geisha เป็นประสบการณ์ที่พิเศษและน่าจดจำ
- ความสดใส: ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา หลายคนเรียกว่าเป็น กาแฟแนวสดใส
สถิติราคาที่โลกต้องจารึก! ทำไมกาแฟสายพันธุ์นี้ถึงแพงที่สุด?

รู้ไหมว่า Geisha Coffee (กาแฟเกอิชา) ไม่ได้เป็นแค่กาแฟทั่วไป แต่ยังเป็น "กาแฟที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก" อีกด้วย! เนื่องจากต้นปลูกยาก ผลผลิตน้อย ขั้นตอนการแปรรูปที่พิถีพิถัน และการยอมรับจากเวทีโลก ราคาของมันไม่ใช่แค่แพงธรรมดา แต่ทำลายสถิติโลกมาแล้วหลายครั้ง จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Geisha โด่งดังและราคาก็พุ่งพรวด เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศปานามา ปี ค.ศ. 2004 ในงานประกวดกาแฟชื่อดังอย่าง Best Of Panama (BoP) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการประมูลกาแฟคุณภาพสูง ไร่กาแฟ Hacienda La Esmeralda ของครอบครัว Peterson ได้นำกาแฟเกอิชาเข้าร่วมการประกวดและคว้าชัยชนะไป ทำให้ได้รับความสนใจจากคอกาแฟทั่วโลก และด้วยรสชาติที่พิเศษเฉพาะตัว รวมกับคุณภาพกาแฟที่ดี ทำให้กาแฟเกอิชาถูกประมูลขายไปในราคาที่สูงที่สุดในยุคนั้นถึง 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์
หลังจากที่กาแฟ Geisha จากไร่ Hacienda La Esmeralda สร้างชื่อโด่งดัง ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ก็พัฒนาตามมาติด ๆ ทำให้ความต้องการกาแฟ Geisha จากผู้บริโภค และราคากาแฟเกอิชาพุ่งสูงขึ้นไปอีก! ซึ่งเมล็ดกาแฟเกอิชาดิบที่ได้รับรางวัลอาจมีราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์ในการประมูล ต่อมาในงานเดิม ปี ค.ศ. 2019 กาแฟเกอิชาจากไร่ Lamastus Family Estate ถูกขายไปในราคา 1,029 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่กาแฟเกอิชาทำราคาได้เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์ ตอกย้ำสถานะความเป็นสายพันธุ์กาแฟที่มีมูลค่าสูงที่สุดเลยในตอนนั้น และในปี ค.ศ. 2024 ที่งานประมูล Best of Panama (BoP) พวกเขาเพิ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการประมูลขายกาแฟเกอิชา ด้วยราคาถึง 10,013 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม (ประมาณ 340,000 บาทต่อกิโลกรัม) แสดงให้เห็นถึงความต้องการและคุณค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของกาแฟเกอิชานั่นเอง
กว่าจะมาเป็น Geisha หนึ่งแก้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย!

เคยสงสัยไหมว่าทำไมกาแฟเกอิชา ถึงมีราคาแพงลิ่ว และทำไมรสชาติถึงได้พิเศษไม่เหมือนใคร? ความลับมันอยู่ที่ขั้นตอนการทำกาแฟที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่ปลูกจนถึงแก้วกาแฟที่คุณดื่ม!
ต้นกาแฟเกอิชา ปลูกได้ประมาณ 8 เดือน ก็จะเริ่มออกผล แต่ใช่ว่าจะเก็บได้เลย ต้องเลือกเก็บเฉพาะผลเชอร์รีที่สุกแดงจัด ๆ เท่านั้น ไม่ได้กวาดมาหมดทั้งต้นเหมือนกาแฟทั่วไป การเลือกผลที่สุกเต็มที่จะทำให้กาแฟมีรสชาติหวานที่ซับซ้อนกว่า หลังเก็บเกี่ยวต้องคัดผลเชอร์รีอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจว่าได้แต่ของดีมีคุณภาพ จากนั้นผลเชอร์รีจะถูกนำไปผ่านขั้นตอนสำคัญที่เรียกว่า "การแปรรูป" ซึ่งมี 2 แบบหลัก ๆ
1. วิธีแบบเปียก (Washed Process)
หลังจากแกะเปลือกและล้างเมือกออก เมล็ดกาแฟจะถูกนำไปตากแดด นานถึง 15-45 วัน (ต่างจากกาแฟสายพันธุ์อื่นที่ตากแค่ 2 วัน) วิธีนี้จะทำให้กาแฟมีรสชาติที่สะอาด ละเอียดอ่อน เนื้อสัมผัสบางเบา มีความเปรี้ยว (acidity) ชัดเจน และ สมดุลดีเยี่ยม แสดงรสชาติเฉพาะตัวของแหล่งปลูกได้ดี
2. วิธีแบบแห้ง (Natural Process)
ผลเชอร์รีจะถูกนำไปตากแดดทั้งลูก วิธีนี้จะทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มข้น หวานฉ่ำแบบผลไม้ และมีระดับความเปรี้ยวที่นุ่มนวลกว่า หรือน้อยกว่าแบบ Washed Process
ไม่ว่าจะแปรรูปด้วยวิธีไหน หลังจากตากจนได้ความชื้นที่พอดีแล้ว เมล็ดกาแฟเกอิชาจะถูกนำไปบ่มในกระสอบต่ออีก 4-6 เดือน นี่แหละคือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้เมล็ดกาแฟเกอิชา มี กลิ่นหอมเฉพาะตัว ที่ซับซ้อน และรสชาติที่พัฒนาได้เต็มที่ ก่อนจะนำไปกะเทาะเปลือกและคั่วเป็นกาแฟชั้นเลิศที่คุณได้ดื่มกัน เพราะขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ใช้เวลา และพิถีพิถันแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้กาแฟเกอิชามีราคาที่สูง และมอบประสบการณ์การดื่มที่แตกต่างไม่เหมือนใคร
ชงกาแฟเกอิชาด้วยเครื่องบดกาแฟ Beno ให้ได้รสชาติระดับพรีเมียม

กาแฟเกอิชาที่ว่ากันว่าแพงระดับโลก ถ้าชงไม่ถูกวิธีก็อาจจะเสียของได้ง่าย ๆ การบดกาแฟคือขั้นตอนสำคัญที่สุดในการดึงศักยภาพความอร่อยของ Geisha ออกมาให้เต็มที่ เพื่อให้คุณได้สัมผัสรสชาติอันซับซ้อนและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของมันแบบเต็ม ๆ นี่คือวิธีที่จะช่วยให้คุณชงกาแฟเกอิชาได้รสชาติระดับพรีเมียมด้วยเครื่องบดกาแฟคู่ใจ
1. เก็บให้ดี รสชาติจะได้ไม่หนีไปไหน
เริ่มต้นที่การเก็บรักษา เก็บเมล็ดกาแฟไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท ไม่ให้อากาศเข้า ตั้งไว้ในที่เย็น มืด และแห้ง จะช่วยรักษาความสดใหม่และรสชาติไว้ได้นานที่สุด
2. ก้าวแรกสู่รสชาติที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเครื่องบดที่มีคุณภาพดีจาก Beno
ลองนึกภาพรสชาติกลิ่นดอกไม้และผลไม้ที่ซ่อนอยู่ในเมล็ดกาแฟเกอิชา การบดก็เหมือนการปลดล็อกสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นออกมา หากบดไม่ถูกวิธี ไม่ว่าจะละเอียดไปหรือหยาบไป ก็อาจทำให้รสชาติขมจัด หรือจืดชืดไม่สมราคา แนะนำให้ใช้เครื่องบดแบบบดได้ขนาดสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สกัดรสชาติได้ดี ถ้าคุณอยากได้ผลลัพธ์แบบมือโปรที่บ้าน เราขอแนะนำเครื่องบดกาแฟที่ออกแบบมาเพื่อกาแฟพิเศษโดยเฉพาะ อย่าง Beno OGGI รุ่น OX6 นี่คือเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับการชงกาแฟของคุณให้ไปอีกขั้น
สิ่งที่ทำให้ OX6 พิเศษและเหมาะกับ Geisha คือ
- เฟืองบดแบบทรงกรวย (Conical Burr): นี่คือหัวใจสำคัญ เพราะ Geisha เป็นเมล็ดกาแฟที่ละเอียดอ่อน การใช้เฟืองบดแบบนี้จะช่วยให้คุณได้ผงกาแฟที่ขนาดสม่ำเสมอ ลดการเกิดความร้อนระหว่างบด ช่วยรักษาความหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของ Geisha ไม่ให้ถูกทำลายไป
- ปรับความละเอียดได้ถึง 51 ระดับ: ทำให้คุณสามารถปรับระดับการบดได้อย่างละเอียดสุดๆ ไม่ว่าจะชงแบบดริปที่ต้องการความละเอียดเป๊ะ ๆ เพื่อดึงรสผลไม้ออกมา หรือชงเอสเพรสโซที่ต้องการความละเอียดสูงเพื่อสกัดช็อตกาแฟที่สมบูรณ์แบบ เครื่องนี้ก็สามารถทำได้ครอบคลุม
- รอบบดต่ำ (450 RPM): รอบการบดที่ต่ำจะช่วยลดความร้อนสะสมในระหว่างการบดได้ดีมาก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสุด ๆ สำหรับกาแฟ เพราะความร้อนจะทำให้กลิ่นและรสชาติที่ซับซ้อนของเมล็ดกาแฟหายไป
- มีระบบป้องกันไฟฟ้าสถิต: ปัญหาน่าหงุดหงิดเวลาบดกาแฟคือผงฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่รุ่นนี้มีระบบป้องกันไฟฟ้าสถิต ทำให้ผงกาแฟที่ได้ไม่ฟุ้งเลอะเทอะ บดง่ายและทำความสะอาดสะดวก
โดยสรุปแล้ว OGGI OX6 มีคุณสมบัติครบถ้วนที่ตอบโจทย์ความต้องการของคอกาแฟที่ต้องการความแม่นยำในการบด เพื่อดึงรสชาติที่ดีที่สุดของเมล็ดกาแฟออกมา ถือว่าเป็นเครื่องบดที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปรที่ต้องการคุณภาพในการบดอย่างแท้จริง
3. ใช้น้ำดี ๆ อุณหภูมิกำลังพอดี
น้ำมีผลกับรสชาติกาแฟมากกว่าที่คุณคิด ควรใช้น้ำกรองที่สะอาดปราศจากสิ่งเจือปน และใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 92-96 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการดึงรสชาติ
4. สัดส่วนที่ลงตัว
ลองเริ่มจากสัดส่วนแนะนำคือ กาแฟ 17 กรัม ต่อน้ำ 300 มิลลิลิตร แต่คุณสามารถปรับสัดส่วนได้ตามความชอบ เพื่อหาความเข้มข้นที่ถูกปากที่สุด
5. ดื่มด่ำให้เต็มที่ ไม่ต้องเติมอะไร
Geisha มีรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนมาก คุณควรลองดื่มแบบไม่ใส่นมหรือน้ำตาล เพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงและประสบการณ์การดื่มที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การชงกาแฟเกอิชา ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่การเก็บรักษาไปจนถึงการชง รับรองว่าทุกหยดของ Geisha จะคุ้มค่ากับราคาที่คุณจ่ายไปอย่างแน่นอน อยากคุ้มกว่าเดิมก็อย่าลืมใส่โค้ด BENOA200 ก่อนกดช้อปที่ Shopee Thailand จะได้รับส่วนลดแบบเต็ม ๆ 200 บาท คุ้มในคุ้มแบบนี้ ต้องรีบเลย!
