ลาเต้ คือ เมนูกาแฟนมยอดฮิตที่ใคร ๆ ก็รู้จัก แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความนุ่มละมุนนี้ มีเคล็ดลับและเทคนิคมากมายที่บาริสต้ามืออาชีพต้องรู้! วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกแง่มุมของลาเต้ ตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟ การสตีมนม ไปจนถึงการสร้างลาเต้อาร์ตสวย ๆ ตกแต่งบนหน้ากาแฟอีกด้วย
ลาเต้ คืออะไร? ทำไมจึงกลายเป็นกาแฟนมยอดฮิต
ลาเต้ คือ กาแฟสไตล์อิตาเลียนที่ผสมกันระหว่างเอสเปรสโซ่ 1 ช็อต กับ นมสดที่ตีด้วยไอน้ำ (Steam Milk)ในอัตราส่วนประมาณ 1:3 หรือ 1:4 แล้วปิดท้ายด้วย ฟองนมบาง ๆ ชั้นบนสุด ความพิเศษอยู่ตรงที่มันให้คาเฟอีนพอประมาณ แต่รสชาตินุ่มละมุน กลมกล่อม ไม่ขมจัด เหมือนย่อเอาความเข้มของกาแฟมาเจอกับความนวลของนมสดแบบลงตัว
ต้นกำเนิดกาแฟลาเต้
คำว่า Latte เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า นม ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้คนคลั่งไคล้การดื่มกาแฟ เมนู Caffe Latte จึงหมายถึง กาแฟนม แต่เมนูนี้กลับเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดจากเมืองซีแอตเทิลในประเทศอเมริกาในช่วงปี 80 ที่เป็นช่วงที่มีการรังสรรค์เมนูกาแฟออกมามากมาย เพื่อตอบสนองผู้คนที่คลั่งไคล้การดื่มกาแฟ ทำให้ร้านกาแฟและบาริสต้าในอเมริกาต่างพากันคิดค้นพัฒนาสูตรกาแฟที่หลากหลาย เพื่อสร้างความแตกต่างจนเป็นจุดกำเนิดของเมนูกาแฟต่าง ๆ รวมถึงกาแฟลาเต้ด้วย และต่อมาในช่วงปี 90 ลาเต้อาร์ตจึงเริ่มต้นขึ้นที่ซีแอตเทิลเช่นกัน
ลาเต้ที่ดีเป็นอย่างไร?
ลาเต้ที่ดีไม่ได้หมายถึงแค่การดูว่ามีฟองนมนุ่ม ๆ แต่ยังต้องพิจารณาถึงความสมดุลของรสชาติระหว่างกาแฟและนม ลาเต้ที่ดีควรมีรสชาติของกาแฟที่ไม่ขมเกินไปและไม่หวานเกินไป ความเข้มข้นของเอสเปรสโซ่ต้องผสมผสานกับความหวานจากนมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น
- ประเภทของนม: นมที่ใช้ในลาเต้สามารถมีผลต่อรสชาติได้อย่างมาก คอกาแฟอาจเลือกใช้ “นมสด” หรือ “นมอัลมอนด์” หรือ “นมข้าวโอ๊ต” ซึ่งจะให้รสชาติที่แตกต่างกันไป
- กาแฟที่ใช้: เมล็ดกาแฟที่ใช้ในการทำลาเต้จะต้องมีรสชาติที่กลมกล่อมและเหมาะสมกับการดื่มคู่กับนม เช่น กาแฟอาราบิก้าที่มีรสชาติเปรี้ยวน้อยหรือกาแฟโรบัสต้าที่มีรสชาติเข้มข้น
รู้จัก ‘ลาเต้อาร์ต’ คืออะไร? สำคัญยังไง?
ลาเต้อาร์ต (Latte Art) คือ ศิลปะการวาดลวดลายบนผิวหน้าของเครื่องดื่มกาแฟประเภทลาเต้ ซึ่งเกิดจากการเทนมที่ผ่านการสตีม (Steamed Milk) ลงในช็อตกาแฟเอสเปรสโซ่ (Espresso) ด้วยเทคนิคพิเศษ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ขึ้นบนชั้นครีม่า (Crema) ของกาแฟ ส่วนมากมักมีการรังสรรค์ลาเต้อาร์ตในลาเต้ร้อน
แล้วทำไมลาเต้อาร์ตถึงสำคัญ? นั่นเป็นเพราะว่า การทำลาเต้อาร์ตสวย ๆ ล้วนสื่อถึงคุณภาพของกาแฟแก้วนั้น แสดงถึงความใส่ใจของบาริสต้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ช็อตกาแฟยันจังหวะมือที่เทนม อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์การดื่มได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะในยุคที่มีโซเชียล การแชร์ลาเต้อาร์ตสวย ๆ ลงโซเชียลมีเดีย ก็ถือว่าเป็นสร้างการบอกต่อแบบ Organic Marketing ให้กับร้านได้แบบฟรี ๆ ถ้าอยากเจาะลึกเรื่องราวของ ‘ลาเต้อาร์ต’ ให้เข้มข้นกว่านี้ ไปอ่านต่อกันได้เลยที่ ลาเต้อาร์ต ศิลปะบนแก้วกาแฟ ที่เพิ่มมูลค่าและอรรถรสให้กาแฟแก้วโปรด
เมนูยอดนิยม ‘ลาเต้เย็น’ คืออะไร?
ลาเต้เย็น หรือ Ice Latte ประกอบด้วยเอสเปรสโซ่ นม และน้ำแข็ง โดยเทแยกชั้นกาแฟและนม ความพิเศษของเมนูลาเต้เย็นคือสามารถเพิ่มไซรัปกลิ่นต่าง ๆ เพื่อทำเป็นลาเต้สูตรต่าง ๆ ได้ เช่น เพิ่มน้ำเชื่อมวนิลา เพื่อให้กลายเป็นกาแฟวนิลาลาเต้เย็น หรือใส่ซอสคาราเมลก็จะกลายเป็นคาราเมลลาเต้เย็น หากชอบกลิ่นผลไม้ก็สามารถเพิ่มไซรัปรสผลไม้ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่สร้างสรรค์ได้อย่างไม่รู้จบ
วิธีการทำกาแฟลาเต้

การทำกาแฟลาเต้ ไม่ว่าจะสูตรใดก็ตาม ต้องมีพื้นฐานจากเอสเปรสโซ่และนม ดังนั้นเครื่องชงกาแฟที่ดีที่จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยสกัดเอากลิ่นและรสของเมล็ดกาแฟออกมา หากชงกาแฟดื่มเองที่บ้าน เครื่องชงกาแฟดี ๆ สักเครื่องก็จะช่วยตอบโจทย์การสร้างสรรค์เมนูลาเต้ ลองเลือกเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กจาก Beno รุ่น BN-3 Milk Touch ที่ราคาเริ่มต้นเพียงไม่ถึงสี่พันบาท ก็สามารถเนรมิตให้บ้านกลายเป็นเสมือนร้านกาแฟได้เลย ยังไม่จบแค่นั้นหากต้องการทำลาเต้อาร์ตสวย ๆ ตกแต่งบนหน้ากาแฟลาเต้แก้วโปรดของคุณก็มองหาเครื่องตีฟองนมคุณภาพดี ที่ตีออกมาแล้วให้ฟองนมที่ละเอียดสวยงามขนาดเท่า ๆ กัน เพิ่มความสุขในการสร้างสรรค์งานศิลปะบนแก้วลาแฟได้อีกด้วย
สูตรทำกาแฟลาเต้ร้อน
ลาเต้ร้อนสูตรรสชาตินุ่มละมุน หอมมัน

ส่วนผสม
- เอสเปรสโซ่ 1 ชอต (30 มล.)
- นมสด 6 ออนซ์ (180 มล.)
- โฟมนม
วิธีทำ
- ชงกาแฟเอสเปรสโซ่ 1 ชอต
- สตรีมนมให้ร้อน
- เทส่วนผสมลงในแก้วกาแฟ โดยใส่กาแฟไว้ด้านล่างแล้วตามด้วยนม
- แต่งหน้าด้วยโฟมนม หรือ ใช้ใช้โฟมนมวาดลวดลายเป็นลาเต้อาร์ทตามชอบ
สูตรทำกาแฟลาเต้เย็น
ลาเต้เย็นเข้มข้นหวานมัน อร่อยลงตัว

ส่วนผสม
- เอสเปรสโซ่ 3 ชอต (90 มล.)
- นมสด 1 ออนซ์ (30 มล.)
- นมข้นหวาน 1.5 ออนซ์ (45 มล.)
- นมข้นจืด 1 ออนซ์ (30 มล.)
วิธีทำ
- ชงกาแฟเอสเปรสโซ่ 3 ชอต
- ผสมกาแฟ นมข้นหวาน และนมข้นจืดให้เข้ากัน
- ใส่กาแฟเอสเปรสโซ่ลงในแก้วที่มีน้ำแข็ง
- ค่อย ๆ รินนมที่ผสมไว้ลงในแก้วกาแฟ ให้แยกชั้นระหว่างกาแฟและนม
- ตกแต่งด้วยโฟมนม
สูตรทำกาแฟลาเต้ปั่น
ลาเต้ปั่นหวานมัน เย็นฉ่ำชื่นใจ

ส่วนผสม
- เอสเปรสโซ่ 2 ชอต (60 มล.)
- นมสด 3 ออนซ์ (90 มล.)
- นมข้นหวาน 2 ออนซ์ (60 มล.)
- นมข้นจืด 1 ออนซ์ (30 มล.)
- น้ำแข็ง 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์
วิธีทำ
- ชงกาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ชอต
- ผสมกาแฟ นมข้นหวาน นมข้นจืด และนมสดให้เข้ากัน
- ใส่น้ำแข็งและกาแฟผสมนมลงในเครื่องปั่น
- ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด เทใส่แก้ว
- ตกแต่งด้วยโฟมนม ราดซอสตามชอบ
เทคนิคการชงลาเต้ให้สมบูรณ์แบบ

1. การเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงจากแหล่งที่เชื่อถือได้สำคัญมาก เมื่อบดกาแฟ ควรทำให้ละเอียดพอดีไม่หยาบหรือเนียนจนเกินไป ควรใช้เครื่องบดกาแฟที่มีความละเอียดสูงเพื่อให้ได้การบดที่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลให้เอสเปรสโซที่ได้มีรสชาติเข้มข้น และมีความสมดุลที่ดีระหว่างกรดและความขม
2. การตีฟองนมที่เหมาะสม ฟองนมต้องมีความนุ่มและละเอียด หากตีฟองนมที่อุณหภูมิสูงเกินไป จะทำให้รสชาติเสียไปและนมจะมีรสชาติที่ไหม้ได้ ดังนั้นควรควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส
3. เทนมอย่างมีเทคนิค การเทนมลงในเอสเปรสโซ่ต้องใช้เทคนิคการหมุนและการควบคุมการไหลของนมให้เหมาะสมเพื่อสร้างลวดลายลาเต้อาร์ต โดยอาจใช้เทคนิคเทนมให้ค่อย ๆ สม่ำเสมอ จากเหยือกลงไปที่กลางแก้ว แล้วค่อย ๆ ขยับเหยือกไปข้าง ๆ เพื่อให้ฟองนมสามารถสร้างลวดลายได้ หากอยากได้ลวดลายลาเต้อาร์ตที่สมบูรณ์แบบ ลองฝึกการเทนมในลักษณะที่มีจังหวะค่อย ๆ ปล่อยนมออกมาเพื่อให้เกิดลวดลายการเทที่ชัดเจน เช่น ลวดลายหัวใจ หรือฟองกลีบ
4. เครื่องชงกาแฟที่ดีจะช่วยให้การชงเอสเปรสโซ่มีความคงที่ สามารถควบคุมอุณหภูมิของน้ำและแรงกดในการชงได้ดี เครื่องที่มีสตีมวาล์วที่ดีจะช่วยให้การตีฟองนมทำได้ง่ายขึ้น และมีคุณภาพสูง
ลาเต้ และ คาปูชิโน่ แตกต่างกันอย่างไร
ลาเต้และคาปูชิโน่ก็เป็นกาแฟที่มีส่วนผสมของเอสเปรสโซ่และนมเช่นเดียวกัน หน้าตาภายนอกก็คล้ายคลีงกัน ทำให้หลายคนสับสน แต่ทั้งสองเมนูนี้ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่ คือลาเต้จะมีสัดส่วนของนมมากกว่า โดยมีนมถึง 2 ใน 3 ส่วน จึงให้รสชาติที่อ่อนกว่า หอมนมมากกว่า ส่วนคาปูชิโนจะประกอบด้วยกาแฟและฟองนมในปริมาณเท่ากัน จึงให้รสชาติของกาแฟที่เข้มกว่า เพียงแค่นี้ก็เลือกดื่มกาแฟใส่นมที่ชื่นชอบได้อย่างไม่ลังเลแล้ว
ลาเต้ และ เอสเปรสโซ่ แตกต่างกันอย่างไร
จริง ๆ แล้วเอสเปรสโซ่คือกาแฟสกัดแบบเข้มข้นที่ยังไม่ผสมอะไรเลยและเป็นกาแฟแบบร้อนเท่านั้น แต่ในประเทศไทย จะมีกาแฟเอสเพรสโซ่เย็นหรือเอสเย็นที่ประเทศอื่นไม่มี ซึ่งเอสเย็นก็หน้าตาคล้ายคลึงกับลาเต้อยู่เหมือนกัน แต่เอสเย็นจะมีรสชาติที่เข้มข้นหวานมันมาก เพราะมีส่วนผสมของกาแฟเข้มข้น และนมข้นหวาน นมข้นจืด และนมสด ใส่ลงบนน้ำแข็ง เพื่อให้รสชาติของกาแฟไม่ถูกนมข้นหวานกลบ กาแฟเอสเปรสโซ่ที่ใส่ลงในเอสเย็นจึงต้องเข้มข้นมาก กาแฟเอสเย็นจึงให้รสชาติเข้มข้นหวานมันแบบสุด ๆ จึงได้ทั้งความหวานจากนมข้น เย็น และเข้มข้นของกาแฟ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เอสเย็นจึงเป็นเมนูที่คนไทยชื่นชอบ และเป็นที่รู้จักทั่วไป
ลาเต้ และ มัคคิอาโต้ แตกต่างกันอย่างไร
ปัญหาโลกแตกของคอกาแฟมือใหม่ คือการแยก 'ลาเต้' กับ 'มัคคิอาโต้' ความแตกต่างหลักอยู่ที่อัตราส่วนและรสชาติ ลาเต้ มีนมเยอะและฟองนมนุ่ม ๆ ทำให้รสชาติกลมกล่อม เหมาะกับคนที่ชอบกาแฟนุ่ม ๆ ไม่ขมเกินไป ขณะที่มัคคิอาโต้ใช้เอสเปรสโซ่มากกว่าและเติมฟองนมแค่เล็กน้อย ทำให้กาแฟมีรสชาติที่เข้มข้นและโดดเด่นมากกว่า เหมาะกับคนที่อยากดื่มกาแฟแบบที่เน้นรสชาติของเอสเปรสโซ่ โดยไม่ถูกบดบังด้วยนมมากนัก
อยากชงลาเต้ให้อร่อยเหมือนคาเฟ่ร้านดัง เพียงมี BENO ก็ทำตามได้ง่าย ๆ
ลาเต้ คือกาแฟนมที่หลายคนติดใจ เมื่อรู้จักกับกาแฟลาเต้แบบต่าง ๆ ความแตกต่างของกาแฟลาเต้กับเมนูกาแฟนมอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันแล้ว ก็สามารถเลือกดื่มกาแฟรสชาติที่ต้องการได้อย่างไม่ลังเล รวมถึงวิธีการชงลาเต้แบบต่าง ๆ ให้อร่อย เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟติดบ้านไว้ก็สามารถชงลาเต้ดื่มเองได้ไม่ยาก สามารถเลือกดูเครื่องชงกาแฟคุณภาพดี ราคาไม่สูงได้ที่ Beno Thailand แล้วสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูแบบต่าง ๆ ด้วยตนเองกันเลย ตอนนี้มีโปรโมชันสุดพิเศษ ลด 200 บาท เมื่อใส่โค้ดลด BENOA200 สุดคุ้มเฉพาะคุณ ที่ Shopee Thailand สายกาแฟห้ามพลาด!