สำหรับคนรักกาแฟที่ชอบรสเข้มแต่ดื่มง่าย อเมริกาโน่คือหนึ่งในเมนูยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด เป็นกาแฟเข้ม ๆ แบบไม่ใส่นม ทำให้สัมผัสรสชาติแท้ ๆ ของเมล็ดกาแฟได้อย่างเต็มที่ และก็ถือเป็นกาแฟดำชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ ดีต่อหุ่นมาก ๆ เพราะมีแคลอรี่แทบจะเป็นศูนย์ นอกจากนี้อเมริกาโน่มีทั้งแบบร้อน-เย็น และสามารถปรับรสชาติให้เหมาะกับความชอบของแต่ละคนได้อย่างง่ายดาย ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับอเมริกาโน่ มีที่มาอย่างไร พร้อมสูตรการทำอเมริกาโน่ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
อเมริกาโน่ คืออะไร
กาแฟอเมริกาโน่ เป็นเมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมสูงในทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่ทำให้อเมริกาโน่แตกต่างจากกาแฟดำอื่น ๆ หรือเอสเปรสโซ่ก็คือ การนำช็อตเอสเปรสโซ่ผสมน้ำร้อนจะช่วยลดความเข้มข้น และรสชาติลง ทำให้ได้กาแฟดำที่มีความเข้มข้นใกล้เคียงกับกาแฟดริป แต่ยังมีกลิ่นหอมและรสสัมผัสที่อร่อยตามแบบฉบับของกาแฟอเมริกาโน่
-
ส่วนประกอบหลัก : เอสเปรสโซ่ 1-2 ช็อต + น้ำร้อน
-
รสชาติที่โดดเด่น : มีความเข้มข้น แต่ไม่หนักเท่าเอสเปรสโซ่ ดื่มง่าย จิบได้สบาย ๆ
อเมริกาโน่กับประโยชน์ที่หลายคนไม่รู้

1. คาเฟอีนช่วยกระตุ้นสมองและเพิ่มสมาธิ
คาเฟอีนในอเมริกาโน่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัว ลดความง่วง และโฟกัสได้ดีขึ้น ปริมาณคาเฟอีนในอเมริกาโน่ 1 แก้ว (ชงจากเอสเปรสโซ่ 2 ช็อต) ประมาณ 150–180 มก. ซึ่งเพียงพอให้ตื่นแต่ไม่มากเกินไปสำหรับคนทั่วไป
2. แคลอรีต่ำมาก
ถ้าไม่ใส่น้ำตาล นม หรือไซรัป อเมริกาโน่ 1 แก้ว (ประมาณ 240 มล.) ให้พลังงานเพียง 2–5 แคลอรี เท่านั้น เหมาะกับคนลดน้ำหนักหรือสายเฮลตี้ เพราะได้ความหอมของกาแฟโดยไม่พ่วงน้ำตาล
3. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
กาแฟอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลและคลอโรเจนิกแอซิด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย แถมยังช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย
4. ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
ทั้งคาเฟอีนและน้ำอุ่นจากอเมริกาโน่ช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น หลายคนจึงรู้สึกว่าขับถ่ายง่ายหลังดื่มกาแฟ อย่างไรก็ตาม ผลนี้อาจไม่เกิดกับทุกคน และบางคนถ้าดื่มมากเกินไปอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะได้
5. ดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด (ถ้าดื่มพอดี)
คาเฟอีนและสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟอาจช่วยลดการอักเสบ ปรับสมดุลไขมันในเลือด และทำให้การทำงานของหลอดเลือดดีขึ้น แต่ต้องเน้นว่า “ดื่มพอดี” เพราะถ้าเกินไปอาจเพิ่มความดันและหัวใจเต้นเร็วได้
6. ช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด
มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2, โรคพาร์กินสัน และโรคตับบางชนิด
ข้อควรระวัง
-
ไม่ควรดื่มเกิน 3-4 แก้วต่อวัน (คาเฟอีนไม่เกิน 400 มก.)
-
ดื่มมากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว มือสั่น หรือมีปัญหาการนอน
-
หลีกเลี่ยงการดื่มก่อนนอน 6 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้รบกวนการนอน
-
ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อนควรดื่มหลังอาหารและไม่เข้มเกินไป
อเมริกาโน่ กับ ลองแบล็ก (Long Black) ต่างกันยังไง
หลายคนที่ชอบดื่มกาแฟดำอาจเคยสงสัยว่าอเมริกาโน่ กับลองแบล็กต่างกันยังไง จริง ๆ แล้วทั้งคู่มีความคล้ายกันตรงที่เป็นกาแฟดำที่ทำจากเอสเปรสโซ่ แต่ความแตกต่างอยู่ที่วิธีการชงและรสชาติที่ออกมา โดยที่อเมริกาโน่จะเริ่มจากเอสเปรสโซ่เข้ม ๆ แล้วเติมน้ำร้อนลงไป ทำให้ได้รสชาติที่ดื่มง่ายกว่า ในขณะที่ ลองแบล็ก จะเทน้ำร้อนใส่ถ้วยก่อนแล้วค่อยเติมเอสเปรสโซ่ตามลงไป ซึ่งจะช่วยรักษาชั้นครีมของกาแฟ ทำให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมของเอสเปรสโซ่ชัดกว่า
สูตรอเมริกาโน่
1. สูตรอเมริกาโน่ร้อน
ส่วนผสม
- กาแฟเอสเปรสโซ่ 30 มิลลิลิตร (1 ช็อต) หรือ 60 มิลลิลิตร (2 ช็อต) หากต้องการรสชาติเข้มข้น
- น้ำร้อน 120 มิลลิลิตร
วิธีทำ
- เริ่มต้นด้วยการเมล็ดกาแฟคั่วแล้ว มาบดด้วยเครื่องบดเมล็ดกาแฟ
- ใส่ลงในเครื่องชงกาแฟแบบเอสเปลสโซ่
- เมื่อได้ช็อตกาแฟเอสเปลสโซ่ออกมาแล้ว ให้ผสมเข้ากับน้ำร้อน
- เติมน้ำเชื่อมตามชอบลงในอเมริกาโน่หรือไม่เติมก็ได้

2. สูตรอเมริกาโน่เย็น
ส่วนผสม
- กาแฟเอสเปรสโซ่ 60 มิลลิลิตร (2 ช็อต)
- น้ำดื่มอุณหภูมิห้อง 120 มิลลิลิตร
- น้ำเชื่อมตามชอบ
วิธีทำ
- ทำช็อตเอสเปลสโซ่ด้วยเครื่องทำกาแฟ
- เมื่อได้ช็อตกาแฟเอสเปลสโซ่ออกมาแล้ว ให้ผสมเข้ากับน้ำเปล่า
- เติมน้ำเชื่อมตามชอบลงในอเมริกาโน่
- เทใส่ลงในแก้วน้ำแข็ง
3. สูตรอเมริกาโน่ส้ม
ส่วนผสม
- กาแฟเอสเปรสโซ่ 60 มิลลิลิตร (2 ช็อต)
- น้ำส้มคั้นสดหรือน้ำส้มกล่องตามชอบ
- น้ำแข็ง
วิธีทำ
- ทำช็อตเอสเปลสโซ่ด้วยเครื่องทำกาแฟ
- จากนั้นให้เทน้ำส้มใส่แก้ว และตามด้วยน้ำแข็ง
- เทช็อตเอสเปลสโซ่ตามลงไป

4.สูตรอเมริกาโน่น้ำผึ้ง
ส่วนผสม
- กาแฟเอสเปรสโซ่ 30 มิลลิลิตร (1 ช็อต) หรือ 60 มิลลิลิตร (2 ช็อต) หากต้องการรสชาติเข้มข้น
- น้ำผึ้งตามชอบ
- น้ำเปล่า
วิธีทำ
- ทำช็อตเอสเปลสโซ่ด้วยเครื่องทำกาแฟ
- ใส่น้ำผึ้งลงไปผสมกับกาแฟ
- หลังจากนั้นจึงเติมน้ำเปล่าไปผสม และเทใส่แก้ว
อเมริกาโน่ ใช้กาแฟคั่วระดับไหน
ถ้าพูดถึงตัวเลือกที่ดีที่สุด กาแฟคั่วระดับกลาง (Medium Roast) คือระดับการคั่วลงตัวที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ เพราะให้รสชาติที่กลมกล่อม มีความหวานบาง ๆ และมีรสเปรี้ยวที่ซับซ้อนแต่ไม่โดดเด่นจนเกินไป ทำให้ดื่มง่าย เข้าถึงได้ทุกคน อย่างไรก็ตาม ในวงการกาแฟสเปเชียลตี้ที่กำลังเติบโตอย่างกว้างขวาง หลายคนก็เริ่มหันมานิยมกาแฟคั่วอ่อน เพื่อทำอเมริกาโน่มากขึ้น เนื่องจากกาแฟคั่วอ่อนจะดึงเอารสชาติและกลิ่นของผลไม้ (Fruity) และดอกไม้ (Floral) ที่ซ่อนอยู่ในเมล็ดกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่
อเมริกาโน่ ปั่นได้ไหม
แม้ว่าเรามักจะไม่ค่อยเห็นเมนูอเมริกาโน่นำมาทำเป็นเมนูปั่น แต่เนื่องจากเมืองไทยอากาศร้อน หลายคนจึงนำกาแฟอเมริกาโน่มาปั่นเพื่อดื่มให้สดชื่นยิ่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีเมนูนี้ในร้านกาแฟ สามารถทำเองได้ โดยอาจจะเพิ่มน้ำเชื่อมเข้าไปเพื่อให้ได้รสชาติยิ่งขึ้น
อเมริกาโน่กับกาแฟดำต่างกันยังไง
กาแฟทั้งสองแบบมีความคล้ายคลึงกัน โดยกาแฟอเมริกาโน่จะเป็นการสกัดกาแฟให้เป็นช็อตเอสเปรสโซ่ด้วยเครื่องทำกาแฟแบบเอสเปรสโซ่ ส่วนกาแฟดำจะสกัดกาแฟด้วยการใช้ที่กรองแบบอื่น ๆ แทน
อเมริกาโน่ควรใช้เมล็ดกาแฟแบบไหน
สำหรับกาแฟอเมริกาโน่ มักจะใช้เมล็กกาแฟคั่วเข้ม หรือที่เรียกว่า Dark coffee ซึ่งจะใช้รสชาติขม และมีกลิ่นหอมจากการคั่ว เป็นเมล็ดแบบเดียวกับที่ใช้ในกาแฟเอสเปรสโซ่
ชงอเมริกาโน่ให้หอมเข้ม ด้วยผลิตภัณฑ์จาก Beno ที่ออกแบบมาเพื่อคนรักกาแฟโดยเฉพาะ
ถ้าพูดถึงกาแฟดำที่ทั้งเรียบง่ายและคลาสสิกที่สุด อเมริกาโน่คงติดอันดับต้น ๆ ในใจหลายคน ด้วยรสชาติที่เข้มแต่ดื่มง่าย เกิดจากการผสมเอสเพรสโซ่เข้มข้นกับน้ำร้อนในสัดส่วนที่ลงตัว อีกทั้งอเมริกาโน่ยังดีต่อสุขภาพเพราะแคลอรี่ต่ำ เหมาะกับคนรักกาแฟที่อยากคุมน้ำหนัก หรือคนที่ชอบลิ้มรส “คาแรกเตอร์แท้ ๆ” ของเมล็ดกาแฟจากแต่ละแหล่งปลูก นอกจากนี้อเมริกาโน่ยังสามารถทำดื่มเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ เพียงแค่มีเอสเปรสโซ่หรือการชงแบบดริปก็พร้อมเติมความสดชื่นให้ตัวเองได้แล้ว และจะสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อมี Coffee Drip Bag จาก Beno ที่คงคุณภาพกาแฟสดแท้ในทุกซอง มีให้เลือกหลายรสชาติ แถมชงง่าย แค่ฉีกซอง เติมน้ำร้อน ก็พร้อมพบกับความฟินได้เลย ตอนนี้ Beno จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดทันที 200 บาท เมื่อช้อปผ่าน Shopee Thailand และใช้โค้ดส่วนลด BENOA200 พร้อมดื่มด่ำอเมริกาโน่ได้ทุกวันง่าย ๆ ที่บ้าน


