โอเลี้ยง มนต์เสน่ห์ของกาแฟโบราณที่ไม่เคยจางหาย

โอเลี้ยง มนต์เสน่ห์ของกาแฟโบราณที่ไม่เคยจางหาย

Aug 24, 2024Beno smartliving

โอเลี้ยงเป็นภาษาแต้จิ๋ว มาจากคำว่า โอ หมายถึง ดำ และ เลี้ยง หมายถึงเย็น โอเลี้ยงจึงหมายถึงเครื่องดื่มสีดำที่เย็น เป็นเมนูกาแฟของไทยที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคก่อนที่กาแฟแบบอื่นจะเข้ามานิยมในไทย ปัจจุบันยังหาโอเลี้ยงดื่มได้ทั่วไปตามร้านกาแฟโบราณ และเป็นเมนูกาแฟที่โด่งดัง เพราะให้ความหวาน เย็น สดชื่น เหมาะกับอากาศร้อน ๆ ของประเทศไทย


โอเลี้ยงคืออะไร 

โอเลี้ยงคล้ายกับกาแฟดำเย็น แต่โอเลี้ยงจะใช้กาแฟโบราณในการชง ซึ่งกาแฟโบราณเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่วผสมกับเมล็ดข้าวโพด เมล็ดมะขาม และอื่น ๆ จึงให้สีและรสต่างจากกาแฟดำ

 

การชงโอเลี้ยงจะนำกาแฟโบราณมาชงในถุงกรองแล้วเทน้ำร้อนผ่านลงไป โดยเทวน 4-5 รอบ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติของกาแฟที่เข้มข้น จากนั้นเติมน้ำตาลทราย และใส่น้ำแข็ง  หรือบางครั้งก็อาจใช้วิธีการคั่วกาแฟด้วยน้ำตาลจนเป็นคาราเมลก่อนการต้มเพื่อเพิ่มความหวานและกลิ่นหอมให้กับกาแฟ และหากต้องการรสชาติหวานมันเพิ่มขึ้น จะราดนมข้นจืดลงบนโอเลี้ยงอีกที เป็นเมนูที่เรียกว่า โอเลี้ยงยกล้อ หรือโอเลี้ยงใส่นมนั่นเอง

 

 

โอเลี้ยงมาจากประเทศอะไร

โอลี้ยงมีต้นกำเนิดในประเทศ ไทย แม้ว่าชื่อโอเลี้ยงจะมาจากภาษาจีนแต้จิ๋วก็ตาม ในช่วงหลังสิ้นสมัยอยุธยามีชาวจีนแต้จิ๋วอพยพเข้ามาอยู่ในไทยจำนวนมาก และได้นำวัฒนธรรม รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ เข้ามาด้วยซึ่งกาแฟเป็นหนึ่งในนั้น แต่โอเลี้ยงเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย จนกลายเป็นเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย

 

วิธีทำโอเลี้ยง

โอเลี้ยงเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย หวาน เย็น ชืนใจ และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงเป็นเมนูในดวงใจของใครหลายคน

 

 

ส่วนผสม

  • ผงกาแฟโบราณ (สูตร 2) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน 1 ถุงกรองชา
  • แก้วสำหรับกรองชา 2 แก้ว
  • แก้ว 22 ออนซ์
  • น้ำแข็ง

วิธีชงโอเลี้ยง

  1. ชงกาแฟ: ตักผงกาแฟโบราณใส่ถุงกรองชา แล้วเทน้ำร้อนลงไปในแก้ว
  2. กรองกาแฟ: นำแก้วมาอีก 1 ใบ เทกรองผ่านถุงกรองชา สลับแก้วไปมาอีก 5-6 รอบ เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น
  3. ใส่น้ำตาล: ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายเข้ากัน
  4. เติมน้ำแข็ง: ตักน้ำแข็งใส่แก้ว 22 ออนซ์ จนเต็มแก้ว
  5. เสิร์ฟ: เทน้ำโอเลี้ยงลงไป ปิดฝาด้านบน เป็นอันเสร็จ
  6. หากต้องการความหวานมันจากนมเพิ่มขึ้น ให้ราดด้วยนมข้นจืด โอเลี้ยงใส่นมนี้จะถูกเรียกว่า โอเลี้ยงยกล้อ

 

 

ข้อควรระวังในการทำโอเลี้ยง

  • อย่าแช่กาแฟนานเกินไป: จะทำให้ออกรสขม
  • คนน้ำตาลให้ละลายดี: เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
  • เสิร์ฟทันที: โอเลี้ยงจะอร่อยที่สุดเมื่อเสิร์ฟตอนเย็น

 

ข้อควรระวังของการดื่มโอเลี้ยง

  • ปริมาณน้ำตาลสูง 

โอเลี้ยงส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้ำตาลสูงให้รสชาติอร่อย เย็นชื่นใจ การดื่มในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาล ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือ ต้องการควบคุมน้ำหนักจึงไม่เหมาะกับการดื่มโอเลี้ยง หรือต้องใช้น้ำตาลทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพแทนน้ำตาล

 

  • คาเฟอีน

โอเลี้ยงทำมาจากกาแฟซึ่งมีคาเฟอีน ที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ใจสั่น หากดื่มในปริมาณมากหรือดื่มใกล้เวลานอน ก็จะทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยากได้ ถึงแม้ว่ากาแฟจะช่วยเพิ่มความสดชื่น และรสชาติหวานเย็นของโอเลี้ยงทำให้รู้สึกผ่อนคลายกระปรี้กระเปร่า แต่การดื่มโอเลี้ยงมากเกินไปก็ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้นควรดื่มโอเลี้ยงในปริมาณที่พอเหมาะ

 

  • กรดในกาแฟ

เนื่องจากกาแฟเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ถึงแม้จะผ่านการคั่วบดมาแล้ว แต่กาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด การดื่มกาแฟในปริมาณมาก หรือดื่มตอนท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือ แสบกระเพาะอาหารได้ 

 

โอเลี้ยงแตกต่างจากอเมริกาโน่อย่างไร

โอเลี้ยงกับอเมริกาโน่ ต่างกันที่กาแฟที่นำมาใช้และส่วนผสม โอเลี้ยงจะทำจากกาแฟโบราณคือกาแฟที่คั่วรวมกับธัญพืชต่าง ๆ เช่น เมล็ดข้าวโพด เม็ดมะขาม ฯลฯ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในสมัยโบราณ จึงมีกลิ่นและรสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนั้นอเมริกาโน เป็นกาแฟดำที่ไม่ใส่ส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ในขณะที่โอเลี้ยงมีการใส่น้ำตาลเพื่อเพิ่มรสชาติของกาแฟ

 

ถึงแม้ว่าโอเลี้ยงจะมีหน้าตาคล้ายกับอเมริกาโน่ แต่ก็มีความแตกต่างกัน โอเลี้ยงก็เป็นหนึ่งในเมนูกาแฟที่มีความเฉพาะตัว จะเห็นได้ว่าเมนูกาแฟมีความหลากหลายมาก และกว่าจะได้กาแฟสักแก้วต้องอาศัยความพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ การเก็บเมล็ดกาแฟ การบดเมล็ดกาแฟ วิธีการชงและเสิร์ฟ ดังนั้นหากต้องการชงกาแฟอร่อย ๆ สักแก้ว ก็ต้องใส่ใจวัตถุดิบ และวิธีการชงเพื่อให้ได้เมนูกาแฟแก้วโปรด เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อรสชาติของกาแฟ



More articles