โอเลี้ยง เครื่องดื่มตำนานที่สืบทอดมาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว คำว่า "โอ" หมายถึง ดำ และ "เลี้ยง" หมายถึง เย็น โอเลี้ยงจึงหมายถึงเครื่องดื่มสีดำที่เย็น เป็นเมนูกาแฟของไทยที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในยุคก่อนที่กาแฟแบบอื่นจะเข้ามานิยมในไทย ปัจจุบันยังหาโอเลี้ยงดื่มได้ทั่วไปตามร้านกาแฟโบราณ และเป็นเมนูกาแฟที่โด่งดัง เพราะให้ความหวาน เย็น สดชื่น เหมาะกับอากาศร้อน ๆ ของประเทศไทย
โอเลี้ยง คืออะไร? ทำมาจากอะไร?

โอเลี้ยง (หรือที่บางคนอาจเรียกว่ากาแฟโอเลี้ยง) คือเครื่องดื่มไทยที่มีรสชาติกลมกล่อมและเป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา ส่วนผสมหลักของโอเลี้ยงคือกาแฟกับน้ำตาลทรายแดง โอเลี้ยงคล้ายกับกาแฟดำเย็น แต่โอเลี้ยงจะใช้กาแฟโบราณในการชง ซึ่งกาแฟโบราณเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่วผสมกับเมล็ดข้าวโพด เมล็ดมะขาม และอื่น ๆ จึงให้สีและรสต่างจากกาแฟดำ
การชงโอเลี้ยงจะนำกาแฟโบราณมาชงในถุงกรองแล้วเทน้ำร้อนผ่านลงไป โดยเทวน 4-5 รอบ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติของกาแฟที่เข้มข้น จากนั้นเติมน้ำตาลทราย และใส่น้ำแข็ง หรือบางครั้งก็อาจใช้วิธีการคั่วกาแฟด้วยน้ำตาลจนเป็นคาราเมลก่อนการต้มเพื่อเพิ่มความหวานและกลิ่นหอมให้กับกาแฟ และหากต้องการรสชาติหวานมันเพิ่มขึ้น จะราดนมข้นจืดลงบนโอเลี้ยงอีกที เป็นเมนูที่เรียกว่า โอเลี้ยงยกล้อ หรือโอเลี้ยงใส่นมนั่นเอง
โอเลี้ยงมาจากประเทศอะไร?
โอลี้ยงมีต้นกำเนิดในประเทศไทย แม้ว่าชื่อโอเลี้ยงจะมาจากภาษาจีนแต้จิ๋วก็ตาม ในช่วงหลังสิ้นสมัยอยุธยามีชาวจีนแต้จิ๋วอพยพเข้ามาอยู่ในไทยจำนวนมาก และได้นำวัฒนธรรม รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ เข้ามาด้วยซึ่งกาแฟเป็นหนึ่งในนั้น แต่โอเลี้ยงเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย จนกลายเป็นเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย
โอเลี้ยงกับวิถีชีวิตไทย

1. การผสมผสานทางวัฒนธรรม: รากฐานจีนสู่ความเป็นไทย โอเลี้ยง มีชื่อจากภาษาจีนแต้จิ๋ว สะท้อนอิทธิพลชาวจีนที่นำวัฒนธรรมกาแฟมาผสมผสานกับธัญพืชท้องถิ่นของไทย เกิดเป็น ‘โอเลี้ยง’ เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
2. เครื่องดื่มของชนชั้นแรงงานและคนทั่วไป: ในอดีต โอเลี้ยง คือ เครื่องดื่มราคาประหยัดและให้พลังงาน สำหรับชนชั้นแรงงาน ช่วยให้ร่างกายสดชื่นพร้อมทำงานภายใต้สภาพอากาศร้อนของไทย
3. ศูนย์รวมของการพบปะ: ในชุมชนเมืองเก่าและตลาดท้องถิ่นที่ร้านกาแฟโบราณเป็นศูนย์รวมของการพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข่าวสารในชีวิตประจำวัน ทั้งในหมู่พ่อค้า แรงงาน ไปจนถึงผู้สูงวัยในชุมชน
4. สัญลักษณ์ของความเรียบง่ายและเป็นกันเอง: การเสิร์ฟโอเลี้ยงในแก้วหรือถุงพลาสติก แสดงถึง ความเรียบง่ายและเป็นกันเอง ของวิถีชีวิตไทย สะท้อนเสน่ห์ของอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าถึงง่าย
5. มรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่: แม้กาแฟสดจะได้รับความนิยม โอเลี้ยงยังคงเป็น มรดกทางวัฒนธรรม ที่คนไทยผูกพันและยังคงเลือกดื่ม เป็นตัวแทนประวัติศาสตร์และความทรงจำของวิถีชีวิตไทย
ไขข้อข้องใจ! กาแฟดำกับโอเลี้ยง แตกต่างกันยังไง?
โอเลี้ยงและกาแฟดำมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ทั้งสองมีสีดำและทำมาจากกาแฟเหมือนกัน แต่ทั้งสองก็มีความแตกต่างที่สำคัญในเรื่องของรสชาติและกลิ่น
-
กลิ่นและรสชาติ: โอเลี้ยงมีกลิ่นหอมที่มาจากการคั่วเมล็ดกาแฟและน้ำตาลทรายแดง บางครั้งการคั่วน้ำตาลไปพร้อมกับกาแฟจะทำให้ได้กลิ่นหอมคล้ายคาราเมล ซึ่งแตกต่างจากกาแฟดำที่มีกลิ่นกาแฟเข้มข้นและรสชาติที่ขมกว่า
-
รสชาติ: โอเลี้ยงมีรสหวานจากการเติมน้ำตาลทรายแดง ซึ่งช่วยลดความขมของกาแฟได้ ทำให้รสชาติของโอเลี้ยงกลมกล่อมและหวานกำลังดี ในขณะที่กาแฟดำจะขมและไม่เติมสารปรุงรสใด ๆ
โอเลี้ยงจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากการคั่วเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ร่วมกับกาแฟ เช่น ข้าวโพด มะขามคั่ว ทำให้ได้รสชาติหอมหวานมัน ไม่ขมเหมือนกาแฟดำซะทีเดียว บางครั้งก็มีการคั่วน้ำตาลไปพร้อมกัน ทำให้ได้กลิ่นหอมคาราเมลเพิ่มเข้ามาอีกด้วย เพราะเหตุนี้เองหลายคนจึงอาจไม่ทราบว่าโอเลี้ยงนั้นก็มีส่วนผสมหลักมาจากกาแฟเหมือนกัน
วิธีทำโอเลี้ยงให้อร่อยแบบต้นตำรับ
โอเลี้ยงเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติอร่อย หวาน เย็น ชืนใจ และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงเป็นเมนูในดวงใจของใครหลายคน

ส่วนผสมโอเลี้ยง
- ผงกาแฟโบราณ (สูตร 2) 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 1 ถุงกรองชา
- แก้วสำหรับกรองชา 2 แก้ว
- แก้ว 22 ออนซ์
- น้ำแข็ง
วิธีชงโอเลี้ยง
- ชงกาแฟ: ตักผงกาแฟโบราณใส่ถุงกรองชา แล้วเทน้ำร้อนลงไปในแก้ว
- กรองกาแฟ: นำแก้วมาอีก 1 ใบ เทกรองผ่านถุงกรองชา สลับแก้วไปมาอีก 5-6 รอบ เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น
- ใส่น้ำตาล: ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายเข้ากัน
- เติมน้ำแข็ง: ตักน้ำแข็งใส่แก้ว 22 ออนซ์ จนเต็มแก้ว
- เสิร์ฟ: เทน้ำโอเลี้ยงลงไป ปิดฝาด้านบน เป็นอันเสร็จ
- หากต้องการความหวานมันจากนมเพิ่มขึ้น ให้ราดด้วยนมข้นจืด โอเลี้ยงใส่นมนี้จะถูกเรียกว่า โอเลี้ยงยกล้อ

ข้อควรระวังในการทำโอเลี้ยง
- อย่าแช่กาแฟนานเกินไป: จะทำให้ออกรสขม
- คนน้ำตาลให้ละลายดี: เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
- เสิร์ฟทันที: โอเลี้ยงจะอร่อยที่สุดเมื่อเสิร์ฟตอนเย็น
เมนูโอเลี้ยง ดัดแปลงสูตรดั้งเดิมให้แปลกใหม่
โอเลี้ยงเป็นเครื่องดื่มคลาสสิกของไทยที่หลายคนชื่นชอบ แต่ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร ลองมาดูเมนูโอเลี้ยงดัดแปลงที่น่าสนใจเหล่านี้กันเลย
1. โอเลี้ยงปั่น
เปลี่ยนจากการเสิร์ฟแบบเย็นธรรมดา มาเป็นปั่นให้ละเอียดจนได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม เพิ่มความสดชื่นด้วยการใส่ไอศกรีมหรือนมสด ตกแต่งด้วยวิปครีม โรยด้วยผงโกโก้ หรือราดด้วยคาราเมล บอกเลยว่าสดชื่นสะใจมาก ๆ!
2. โอเลี้ยงลาเต้
ความขมของกาแฟจากโอเลี้ยงจะถูกบาลานซ์ด้วยความหวานมันของนมในลาเต้ ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม ไม่ขมจนเกินไป มีโฟมนมที่นุ่มฟูช่วยเพิ่มมิติให้กับรสชาติและสัมผัสในการดื่ม เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชื่นชอบทั้งกาแฟและนมสด
3. โอเลี้ยงมัทฉะ
โอเลี้ยงมัทฉะ ฟิวชั่นที่ลงตัวของรสชาติไทยและญี่ปุ่น ความขมของกาแฟโบราณสไตล์ไทยถูกบาลานซ์ด้วยความหวานและความขมเล็ก ๆ ของชาเขียวมัทฉะ ทำให้ได้รสชาติที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ
4. โอเลี้ยงปั่นผสมผลไม้
การนำโอเลี้ยง (กาแฟดำหวานจากน้ำตาลทรายแดง) มาผสมกับผลไม้สด เช่น ลิ้นจี่ ลำไย และนำไปปั่นกับน้ำแข็ง ทำให้ได้รสชาติที่มีทั้งความหวานจากน้ำตาลในโอเลี้ยงและความสดชื่นจากผลไม้ นอกจากนี้ยังเพิ่มสัมผัสใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากการดื่มโอเลี้ยงแบบปกติ
5. โอเลี้ยงใส่ไข่มุก
ความขมของกาแฟจะถูกตัดด้วยความหวานของไข่มุก ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม ไข่มุกหนึบ ๆ เคี้ยวเพลิน ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่ม ทำให้ได้เครื่องดื่มที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกใหม่ในเวลาเดียวกัน
ข้อควรระวังของการดื่มโอเลี้ยง
-
ปริมาณน้ำตาลสูง
โอเลี้ยงส่วนใหญ่จะมีปริมาณน้ำตาลสูงให้รสชาติอร่อย เย็นชื่นใจ การดื่มในปริมาณมาก อาจส่งผลต่อสุขภาพ เช่น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำตาล ดังนั้นผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือ ต้องการควบคุมน้ำหนักจึงไม่เหมาะกับการดื่มโอเลี้ยง หรือต้องใช้น้ำตาลทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพแทนน้ำตาล
-
คาเฟอีน
โอเลี้ยงทำมาจากกาแฟซึ่งมีคาเฟอีน ที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ใจสั่น หากดื่มในปริมาณมากหรือดื่มใกล้เวลานอน ก็จะทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยากได้ ถึงแม้ว่ากาแฟจะช่วยเพิ่มความสดชื่น และรสชาติหวานเย็นของโอเลี้ยงทำให้รู้สึกผ่อนคลายกระปรี้กระเปร่า แต่การดื่มโอเลี้ยงมากเกินไปก็ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้นควรดื่มโอเลี้ยงในปริมาณที่พอเหมาะ
-
กรดในกาแฟ
เนื่องจากกาแฟเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ถึงแม้จะผ่านการคั่วบดมาแล้ว แต่กาแฟมีฤทธิ์เป็นกรด การดื่มกาแฟในปริมาณมาก หรือดื่มตอนท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรือ แสบกระเพาะอาหารได้
คำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับโอเลี้ยง

1. โอเลี้ยงมีคาเฟอีนเยอะไหม?
โอเลี้ยงมีคาเฟอีนในระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกาแฟดริปหรืออเมริกาโน่หนึ่งแก้ว เนื่องจากนิยมใช้เมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่มีคาเฟอีนมากกว่าอาราบิก้าถึง 2 เท่า อีกทั้งวิธีชงแบบโบราณด้วยถุงกาแฟจะใช้ผงกาแฟปริมาณมากต่อหนึ่งแก้ว (บางร้านอาจใช้ถึง 20–30 กรัม) และมีขั้นตอน “ชงวน” หรือการต้มวนซ้ำที่ช่วยสกัดคาเฟอีนได้มากขึ้น แม้จะมีการผสมเมล็ดพืชอื่นเพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มกลิ่นหอม แต่สัดส่วนของผงกาแฟยังคงสูง ทำให้โอเลี้ยงเป็นกาแฟดำเย็นที่ให้คาเฟอีนจัดจ้านและเข้มข้นกว่าที่หลายคนคาดคิด
2. ดื่มโอเลี้ยงแบบไม่หวานได้ไหม?
ได้ และมีการเรียกแบบเฉพาะว่า “โอเลี้ยงโซง” หรือโอเลี้ยงไม่หวาน แม้สูตรดั้งเดิมจะนิยมเติมน้ำตาลเยอะเพื่อความหอมหวานเข้มข้น แต่โอเลี้ยงคือกาแฟดำเย็นเป็นหลัก จึงสามารถเสิร์ฟ โดยไม่เติมน้ำตาลได้ ในอดีตมีลูกค้ากลุ่มที่ต้องการลดน้ำตาล หรือดื่มเพื่อคาเฟอีนล้วน ๆ จึงเกิดการเรียกแบบโซง ซึ่งในภาษาจีนแต้จิ๋วหมายถึง “ไม่หวาน”
3. โอเลี้ยงกับอเมริกาโน่เหมือนกันไหม?
ไม่เหมือน ทั้งในแง่ของวัตถุดิบ วิธีชง รสชาติ และวัฒนธรรมกาแฟ โอเลี้ยงเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมกาแฟจีน-ไทย ขณะที่อเมริกาโน่มาจากวัฒนธรรมอเมริกัน/อิตาเลียน แม้ทั้งคู่จะเป็นกาแฟดำเย็น แต่พื้นฐานวัตถุดิบและวัตถุประสงค์ของการดื่มต่างกัน
4. มีโอเลี้ยงใส่นมไหม?
มี และเรียกกันว่า โอเลี้ยงยกล้อ หรือ โกปี๊ใส่นม คำว่า "ยกล้อ" มาจากภาพตอนเทกาแฟกับนมลงแก้วพร้อมกัน แล้วยกถ้วยสองใบขึ้นพร้อมกัน เหมือนรถจักรยานยนต์ยกล้อ อีกชื่อคือ โกปี๊ (kopi) ตามแบบมาเลเซีย-สิงคโปร์ ซึ่งก็คือกาแฟดำใส่นมข้นหวาน บางร้านใช้คำว่า "โอเลี้ยงนม" หรือ "โกปี๊เย็น" ขึ้นอยู่กับสูตรและท้องถิ่น
โอเลี้ยง มนต์เสน่ห์กาแฟโบราณของไทย ทำดื่มเองง่าย ๆ เพียงมี BENO
ถึงแม้ว่าโอเลี้ยงจะมีหน้าตาคล้ายกับอเมริกาโน่ แต่ก็มีความแตกต่างกัน โอเลี้ยงก็เป็นหนึ่งในเมนูกาแฟที่มีความเฉพาะตัว จะเห็นได้ว่าเมนูกาแฟมีความหลากหลายมาก และกว่าจะได้กาแฟสักแก้วต้องอาศัยความพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ การเก็บเมล็ดกาแฟ การบดเมล็ดกาแฟ วิธีการชงและเสิร์ฟ ดังนั้นหากต้องการชงกาแฟอร่อย ๆ สักแก้ว ก็ต้องใส่ใจวัตถุดิบ และวิธีการชงเพื่อให้ได้เมนูกาแฟแก้วโปรด เพราะทุกขั้นตอนมีผลต่อรสชาติของกาแฟ แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นเพียงแค่มีเครื่องทำกาแฟ BENO ทำให้กาแฟถูกคั่วในระดับที่เหมาะสม กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ทิ้งมนต์เสน่ห์ของกาแฟโบราณ
สนุกกับการทำกาแฟทุกวันกับ BENO เครื่องชงกาแฟสุดคุ้มที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมฟังก์ชันปรับตั้งอุณหภูมิและระดับน้ำได้ตามใจชอบ สั่งซื้อเลยวันนี้ ลด 200 บาท เมื่อใช้โค้ด BENOA200 ที่ Shopee Thailand