กินกาแฟแล้วใจสั่น

กินกาแฟแล้วใจสั่นเกิดจากอะไร ? เป็นเรื่องปกติหรืออันตราย มาดูวิธีจัดการแบบง่าย ๆ กัน

Aug 25, 2025Beno smartliving

กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่หลายคนขาดไม่ได้ เพราะช่วยปลุกสมองให้ตื่นตัว เพิ่มพลังในการทำงาน และเติมความสดชื่นให้กับวัน แต่บางครั้งความฟินจากกาแฟก็อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้หลายคนตกใจ นั่นก็คือ “อาการกินกาแฟแล้วใจสั่น ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน ทำให้กังวลว่า นี่คืออาการปกติจากคาเฟอีน หรือเป็นสัญญาณเตือนอันตรายเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจกันแน่ ?

แต่อาการใจสั่นหลังดื่มกาแฟเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งปริมาณคาเฟอีนที่รับเข้าไป ความไวของร่างกายต่อคาเฟอีน หรือแม้แต่สภาพร่างกายในวันนั้น ๆ บทความนี้จะพาเหล่า Coffee lover มาทำความเข้าใจ ว่าเพราะอะไรกินกาแฟแล้วใจสั่น และอาการอื่น ๆ ที่มักเกิดร่วม พร้อมแนวทางป้องกันหรือแก้ไข เพื่อให้ยังสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติกาแฟได้ โดยไม่ต้องกังวลกับอาการใจสั่นอีกต่อไป! 

 

สาเหตุที่คอกาแฟต้องรู้! ทำไมดื่มกาแฟแล้วใจสั่น?

 

ทำไมดื่มกาแฟแล้วใจสั่น

หลายคนรู้ดีว่า สาเหตุหลักของอาการกินกาแฟแล้วใจสั่น คือ คาเฟอีนในกาแฟนี่แหละ พอเราดื่มกาแฟเข้าไป คาเฟอีนจะเข้าสู่ร่างกาย แล้วไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น และเกิดความรู้สึกตื่นตัว แต่รู้ไหมว่านอกจากคาเฟอีนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่ออาการกินกาแฟแล้วใจสั่นของแต่ละคนอีกด้วย มีอะไรบ้าง ไปดูกัน! 

- ปริมาณ และชนิดของคาเฟอีน : กาแฟแต่ละชนิดมีระดับความเข้มของกาแฟ และปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน การดื่มกาแฟเข้มข้นอย่างเอสเพรสโซในปริมาณมาก หรือดื่มกาแฟหลายแก้วติดต่อกันภายในวันเดียว  ทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณสูงเกินไป และกระตุ้นหัวใจให้ทำงานหนักขึ้น

- ความไวต่อคาเฟอีน : คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ร่างกายจะมีความคุ้นชิน และปรับตัวเข้ากับคาเฟอีนได้ดีกว่า ทำให้มีโอกาสเกิดอาการใจสั่นน้อยกว่า แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดื่มกาแฟมาก่อน หรือเว้นการดื่มไปนาน พอกลับมาดื่มอีกครั้งจะไวต่อคาเฟอีนมากกว่าปกติ

- ช่วงเวลาที่ดื่ม : การดื่มกาแฟตอนท้องว่างจะทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ระดับคาเฟอีนในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดอาการใจสั่นได้ง่ายกว่าการดื่มกาแฟหลังมื้ออาหาร

- สุขภาพร่างกาย : ถ้าวันไหนเราพักผ่อนไม่พอ เครียด หรืออยู่ในภาวะวิตกกังวล แล้วไปกินกาแฟ บอกเลยว่าโอกาสเกิดอาการใจสั่นมีสูงมาก เพราะร่างกายที่อ่อนล้า พร้อมกับความตึงเครียดจะยิ่งไวต่อคาเฟอีน ทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าปกติได้ง่าย ๆ

- การกินคู่กับอาหาร หรือยาต่าง ๆ : การดื่มกาแฟร่วมกับเครื่องดื่มชูกำลัง หรือยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ อาจไปเสริมฤทธิ์ของคาเฟอีนให้แรงขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้หลายคนเจออาการกินกาแฟแล้วใจสั่นได้ง่ายกว่าปกติ

เช็กลิสต์อาการที่มักจะมาพร้อมกับการกินกาแฟแล้วใจสั่น

 

เวลากินกาแฟแล้วใจสั่น บางทีมันไม่ได้มาแค่หัวใจเต้นแรงอย่างเดียว ร่างกายอาจส่งสัญญาณไม่สบายตัวอื่น ๆ มาด้วย เป็นเหมือนการเตือนว่าเราได้รับคาเฟอีนมากเกินไป เราลองมาเช็กลิสต์กันหน่อยว่าอาการที่มักเกิดขึ้นพร้อมกับอาการใจสั่นมีอะไรบ้าง

1. เวียนหัว มึนศีรษะ

นอกจากใจสั่นแล้ว หลายคนยังเจออาการเวียนหัวตามมา โดยเฉพาะเวลาลุกยืนเร็ว ๆ หรือดื่มกาแฟตอนท้องว่าง ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสัญญาณที่ทำให้หลายคนสงสัยว่า “กินกาแฟแล้วใจสั่น เวียนหัว วิธีแก้คืออะไร” ส่วนใหญ่แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ และพักผ่อนสักพัก จะช่วยลดอาการลงได้บ้าง

2. หายใจไม่อิ่ม หรือรู้สึกแน่นหน้าอก

อีกหนึ่งอาการที่พบบ่อย คือกินกาแฟแล้วใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เพราะคาเฟอีนไปกระตุ้นให้เราหายใจถี่ขึ้นและสั้นลง ทำให้รู้สึกเหมือนหายใจไม่เต็มปอด แถมยังเพิ่มความวิตกกังวลไปอีก 

3. มือสั่น และวิตกกังวล

คาเฟอีนจะกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดอาการสั่นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่มือ ซึ่งเป็นอาการที่สังเกตเห็นได้ง่าย อาการสั่นนี้อาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว กระสับกระส่าย หรือวิตกกังวลเพิ่มขึ้น อาการนี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อระดับคาเฟอีนในร่างกายลดลง

4. เหงื่อออกมากผิดปกติ

อีกอาการที่หลายคนอาจสังเกตได้ คือเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่มือและเท้า ซึ่งเกิดจากร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอะดรีนาลีนที่เพิ่มขึ้นหลังดื่มกาแฟ คาเฟอีนเป็นตัวกระตุ้นทำให้ร่างกายตื่นตัว ทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติ

5. นอนไม่หลับ

แน่นอนว่าคาเฟอีนมีผลโดยตรงต่อการนอนหลับ ถ้าดื่มกาแฟกาแฟตอนบ่ายแก่ ๆ ใกล้เวลานอนเกินไป หรือดื่มในปริมาณที่มากเกิน คาเฟอีนต่อวัน ก็อาจทำให้นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิทและยิ่งทำให้กินกาแฟแล้วใจสั่นง่ายขึ้นในวันถัดมา

สำหรับใครที่กินกาแฟแล้วใจสั่น แล้วเจออาการเหล่านี้บ่อย ๆ นั่นแปลว่าร่างกายอาจจะไม่ค่อยถูกกับคาเฟอีนเท่าไหร่ หรือถึงเวลาที่ต้องปรับพฤติกรรมการดื่มแล้วล่ะ

 

คาเฟอีนต่อวัน ปริมาณเท่าไหร่ถึงปลอดภัย

 

กาแฟและขนมปัง

โดยทั่วไปแล้ว องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำว่าผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีสามารถบริโภคคาเฟอีนได้อย่างปลอดภัยไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟดำประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน แต่ต้องจำไว้ว่า นี่เป็นค่าเฉลี่ยเท่านั้น เพราะปริมาณที่เหมาะสมอาจปรับตามแต่ละคนได้ ขึ้นอยู่กับความไวต่อคาเฟอีน อายุ น้ำหนัก และสภาพร่างกาย นอกจากนี้ คาเฟอีนไม่ได้อยู่แค่ในกาแฟเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในจำพวกชา โกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลมบางชนิดด้วย ดังนั้นควรนับรวมคาเฟอีนจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อให้ปริมาณคาเฟอีนต่อวันไม่เกินที่กำหนด สำหรับคอกาแฟที่อยากเจาะลึกเรื่องคาเฟอีนในกาแฟ แต่ละชนิด และปริมาณที่เหมาะสม สามารถตามอ่านต่อกันได้เลย

 

กินกาแฟแล้วใจสั่น แก้ได้ด้วยวิธีเหล่านี้

 

อาการกินกาแฟแล้วใจสั่น โดยเฉพาะถ้ามาพร้อมกับอาการเวียนหัว หรือรู้สึกหายใจไม่อิ่ม สาเหตุหลักมักมาจากการที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้อันตรายเสมอไป แต่ก็ควรรู้วิธีรับมือ ถ้าใครกำลังเจออาการแบบนี้อยู่ ลองวิธีแก้ง่าย ๆ ได้เลย

1. หยุดดื่มกาแฟทันที : หากรู้ตัวว่ากินกาแฟแล้วมีอาการใจสั่น สิ่งแรกที่ควรทำคือ หยุดดื่มทันที อย่าดื่มต่อเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้คาเฟอีนสะสมในร่างกายมากขึ้น

2. ดื่มน้ำเปล่าให้มาก :  น้ำเปล่าช่วยให้ร่างกายขับคาเฟอีนออกทางปัสสาวะได้เร็วขึ้น ลองจิบน้ำทีละน้อยแต่บ่อย ๆ

3. หายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ : หากมีอากากินกาแฟแล้วใจสั่น หายใจไม่อิ่ม ให้ลองนั่งพัก หายใจเข้าลึก ๆ แล้วหายใจออกช้า ๆ วิธีนี้จะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ความกระวนกระวายเบาลง แถมยังทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้นอีกด้วย

4. หาของกินที่ช่วยลดอาการใจสั่น : หากดื่มกาแฟตอนท้องว่าง คาเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้ใจสั่น การกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงหรือโปรตีน เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวโอ๊ต หรือถั่ว จะช่วยชะลอการดูดซึมคาเฟอีน และบรรเทาอาการลงได้

5. เดินเล่น หรือขยับร่างกายเบา ๆ : ถ้านั่งเฉย ๆ แล้วใจสั่น ลองลุกขึ้นมาเดิน อยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และร่างกายเผาผลาญคาเฟอีนได้เร็วขึ้น

ข้อควรระวัง : ถ้าลองทำทุกวิธีแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมี ใจสั่นร่วมกับแน่นหน้าอก หายใจติดขัด หรือเวียนหัวจนยืนไม่ไหว อย่ารอช้า! ควรรีบไปพบแพทย์ทันที  เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจหรือภาวะอื่น ๆ ที่ต้องตรวจอย่างละเอียด การเช็คให้ชัวร์ปลอดภัยไว้ก่อนยังไงก็ดีกว่า

 

เคล็ดลับดื่มกาแฟยังไงไม่ให้ใจสั่น ทำง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

 

ดื่มกาแฟยังไงไม่ให้ใจสั่น

การดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ และไม่เกิดอาการใจสั่น สามารถทำได้ดังนี้

  • เปลี่ยนช่วงเวลาดื่ม ถ้าเป็นคนหนึ่งที่ชอบดื่มกาแฟดำตอนเช้า ลดน้ำหนักอยู่แล้ว และมีอาการใจสั่น ให้ลองเปลี่ยนเป็นช่วงสาย ๆ หรือก่อนเที่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการใจสั่นได้ 

  • จำกัดปริมาณต่อวันปริมาณคาเฟอีนที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ คือไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 2-3 แก้ว (ขนาด 12 ออนซ์) แต่ถ้าไวต่อคาเฟอีนอาจดื่มเพียง 1 แก้วก็เพียงพอแล้ว

  • ไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง การดื่มกาแฟตอนท้องว่าง ทำให้ร่างกายดูดซึมคาเฟอีนเร็ว เกิดอาการใจสั่น หรือปวดท้องได้ ควรรองท้องเป็นอาหารเบา ๆ ก่อน เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวโอ๊ต หรือผลไม้

  • เลือกดื่มกาแฟคาเฟอีนน้อยหากคุณเป็นคนที่ไวต่อคาเฟอีน การเลือกกาแฟ Decaf เป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะคาเฟอีนในกาแฟ Decaf มีน้อยกว่ากาแฟปกติ ลดความเสี่ยง กินกาแฟแล้วใจสั่นได้

ไม่ว่าจะเลือกดื่มกาแฟแบบไหน สิ่งสำคัญคือ การรู้จักดื่มในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายของตัวเอง เพื่อให้การดื่มกาแฟแก้วโปรดที่อร่อยที่สุด คือกาแฟที่มาพร้อมกับสุขภาพที่ดีด้วยนะ 

 

ดื่มกาแฟให้อร่อย ฟินทุกแก้ว แบบไม่ต้องกลัวกินกาแฟแล้วใจสั่น

อาการกินกาแฟแล้วใจสั่น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องซีเรียสจนเลิกดื่มกาแฟไปเลยนะ เพราะสาเหตุหลักมาจากการได้รับคาเฟอีนมากเกินไป หรือบางทีก็เพราะร่างกายเราพักผ่อนไม่พอเท่านั้นเอง สิ่งที่ทำได้คือ เลือกกาแฟให้เหมาะกับตัวเอง พร้อมแฮปปี้ไปกับกาแฟแก้วโปรดได้ทุกวัน และสำหรับคอกาแฟตัวจริง! ที่ Beno มีทั้งกาแฟคั่วบดสด กาแฟสำเร็จรูป และเครื่องชงกาแฟคุณภาพดี ที่ช่วยให้ชงกาแฟอร่อย ๆ ดื่มเองได้ที่บ้าน และตอนนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษ! ช้อปสินค้าของ Beno ที่ Shopee พร้อมใส่โค้ด BENOA200 ลดทันที 200 บาท รีบเลย!

 

เครื่องชงกาแฟคุณภาพดี

 



More articles