กาแฟยี่ห้อไหนดีต่อสุขภาพ

สายเฮลตี้ห้ามพลาด! ดูแลสุขภาพด้วยกาแฟเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณ

Jun 19, 2025Beno smartliving

ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใคร ๆ ก็หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย หรือการเลือกเครื่องดื่ม แม้กระทั่งกาแฟที่ดื่มก็ต้องเลือกให้ดีด้วย และเดี๋ยวนี้มีแบรนด์กาแฟเพื่อสุขภาพที่ออกมาหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นกาแฟสุขภาพที่เพิ่มสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าไป เช่น คอลลาเจน ถั่งเช่า สมุนไพรต่าง ๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย ผิวพรรณ หรือระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ ๆ ที่อยากจะเปลี่ยนการดื่มกาแฟแบบเดิม มาเปลี่ยนเป็นกาแฟเพื่อสุขภาพที่ช่วยตอบโจทย์ในเรื่องสุขภาพมากขึ้น และในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับกาแฟเพื่อสุขภาพแบบเจาะลึก ทั้งประโยชน์ ความแตกต่างจากกาแฟทั่วไป และวิธีเลือกดื่มให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด! 


กาแฟเพื่อสุขภาพคืออะไร? รู้จักเครื่องดื่มทางเลือกของคนรักสุขภาพ

กาแฟเพื่อสุขภาพ เป็นกาแฟที่ถูกคิดค้นมาให้มีคุณสมบัติเป็นตัวช่วยเสริมในเรื่องของสุขภาพ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของกาแฟเพื่อสุขภาพคือเรื่องคุณภาพ เพราะใส่ใจตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟชั้นดี ผ่านกระบวนการผลิตที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน และยังเต็มไปด้วยประโยชน์ต่าง ๆ และที่สำคัญสุด ๆ คือกาแฟสุขภาพส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่น้ำตาล หรือเลือกใช้น้ำตาลทางเลือก เช่น หญ้าหวาน อิริทริทอล หรือน้ำตาลหล่อฮังก๊วยแทน ทำให้คุณอร่อยได้แบบไม่ต้องกังวลเรื่องระดับน้ำตาลเลย 


กาแฟเพื่อสุขภาพกับคุณประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย

 

ผู้หญิงจิบกาแฟตอนเช้า

 

กาแฟเพื่อสุขภาพไม่เพียงแค่ให้รสชาติที่กลมกล่อม แต่กาแฟเพื่อสุขภาพในหลาย ๆ สูตรมักจะมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสุขภาพที่ดี และมาพร้อมกับประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจยังไม่รู้ มาดูกันว่ากาแฟเพื่อสุขภาพมีประโยชน์เด็ด ๆ อะไรบ้าง 

- ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ 

กาแฟเพื่อสุขภาพมีคาเฟอีนมีส่วนช่วยเพิ่ม การเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ระตุ้นการสลายไขมันสะสม และในหลายสูตรจะมีส่วนผสมที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน เช่น แอลคาร์นิทีน หรือสารสกัดจากชาเขียว ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

- ดื่มแล้วอิ่มนาน ช่วยควบคุมน้ำหนัก

กาแฟเพื่อสุขภาพบางสูตรมีส่วนช่วยลดความอยากอาหา ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวบ่อยระหว่างวัน เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรืออยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หรือถ้าใครไม่ชอบกาแฟที่มีการปรุงแต่งเพิ่มเติม การเลือกดื่มกาแฟสุขภาพอย่างกาแฟดำในตอนเช้าก็เป็นอีกวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้เหมือนกัน

- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

เมล็ดกาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดคลอโรเจนิก (Chlorogenic Acid) ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด

- กระตุ้นช่วยกระตุ้นระบบประสาท และการทำงานของสมอง

กาแฟช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิ เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และความจำ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ และพาร์กินสันได้อีกด้วย 


เปรียบเทียบกาแฟเพื่อสุขภาพ vs. กาแฟทั่วไป ฉบับเข้าใจง่าย!

 

กาแฟและขนมปัง

 

1. กาแฟเพื่อสุขภาพ

อย่างที่ว่ากันว่ากาแฟเพื่อสุขภาพ เป็นกาแฟที่เน้นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดโรค และเสริมสารอาหารที่ดีเข้าไป แต่ยังคงรสชาติของกาแฟไว้ ไม่ต่างจากกาแฟทั่วไปมากนัก จุดเด่นหลัก ๆ ของกาแฟเพื่อสุขภาพ มีดังนี้

  • ใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากหญ้าหวาน อิริทริทอล น้ำตาลหล่อฮังก๊วย แทนน้ำตาล เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพที่หวานน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาลเลย

  • ไม่มีครีมเทียม หรือไขมันทรานส์ เพื่อลดผลกระทบต่อหลอดเลือดและหัวใจ

  • เสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะกาแฟเพื่อสุขภาพในบางสูตรมีคอลลาเจน วิตามิน B แอลคาร์นิทีน หรือสมุนไพรต่าง ๆ 

  • กาแฟเพื่อสุขภาพมีแคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมปริมาณแคลอรี่

  • เหมาะกับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย หรืออยากหลีกเลี่ยงน้ำตาล กาแฟเพื่อสุขภาพถือว่าตอบโจทย์มาก

2. กาแฟทั่วไป

ในขณะที่กาแฟเพื่อสุขภาพเน้นเรื่องสารอาหาร และสุขภาพเป็นหลัก กาแฟทั่วไปที่เราต่างคุ้นเคยก็ยังคงเป็นที่ถูกใจของใครหลายคน ซึ่งอาจเข้าใจว่าเป็นกาแฟสำเร็จรูปก็ได้ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม และมักจะมีลักษณะเด่น ๆ ดังนี้ 

  • กาแฟทั่วไปมักหวาน มัน เพราะว่าต้องใส่น้ำตาล และครีม เพื่อเพิ่มความอร่อย ทำให้แคลอรี่สูง

  • กาแฟทั่วไปอาจใช้ครีมเทียม ซึ่งมีไขมันทรานส์ และไม่ดีต่อหัวใจ หากดื่มเป็นประจำอาจมีผลเสียต่อสุขภาพ

  • กาแฟทั่วไป แก้วเดียวอาจให้พลังงานสูงถึง 200-300 แคลอรี่ โดยเฉพาะถ้าใส่ไซรัปเพิ่ม

  • ถ้าเน้นความอร่อยเป็นหลัก ไม่ได้กังวลเรื่องสุขภาพมากนัก กาแฟทั่วไปก็ยังเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความฟิน

 

การเลือกซื้อกาแฟเพื่อสุขภาพ ต้องดูอะไรบ้าง ?

1. ตรวจสอบส่วนผสม และคุณประโยชน์ที่ต้องการ

กาแฟที่ดีต่อสุขภาพไม่ใช่แค่ไม่ใส่น้ำตาล และไม่มีครีมเทียมเท่านั้น แต่ควรมีส่วนผสมที่ส่งผลดีต่อร่างกาย เช่น เสริมด้วยวิตามิน หรือสารอาหารที่มีประโยชน์ และใช้เมล็ดกาแฟแท้ หลีกเลี่ยงสารปรุงแต่งเทียม

2. พิจารณาคุณภาพของเมล็ดกาแฟ

กาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดี จะช่วยให้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน อย่างเช่น สายพันธุ์อาราบิก้า หรือโรบัสต้า 

3. ตรวจสอบปริมาณคาเฟอีน

ในบางคนอาจเข้าใจผิด คิดว่ากาแฟเพื่อสุขภาพคงไม่มีคาเฟอีน  แต่ความจริงคือ บางสูตรยังมีคาเฟอีนอยู่ในระดับที่ให้ความสดชื่น หากคุณเป็นคนไวต่อคาเฟอีน หรือดื่มกาแฟในตอนบ่าย แล้วนอนไม่หลับ ควรเลือกสูตรที่คาเฟอีนต่ำหรือ กาแฟดีแคฟ (Decaf) จะเหมาะกว่า

4.ตรวจสอบข้อมูลโภชนาการ และแคลอรี่

ควรพลิกดู ฉลากโภชนาการให้ละเอียด ดูปริมาณแคลอรี่ น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม เพราะกาแฟเพื่อสุขภาพบางสูตรอาจมีส่วนผสมที่เพิ่มแคลอรี่ได้ 

5. เลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และได้รับการรับรอง

การเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ว่ามี อย. หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) จะช่วยให้เรามั่นใจว่าได้ดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ปลอดภัยจริง


10 อันดับ กาแฟเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี ขายดีที่สุด

 

10 อันดับ กาแฟเพื่อสุขภาพ

 

1. NESCAFÉ Gold Decaf Coffee

หากคุณเป็นคนรักกาแฟ แต่กังวลเรื่องคาเฟอีน หรือมักมีอาการใจสั่นหลังจากดื่มกาแฟ NESCAFÉ Gold Decaf Coffee คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ กาแฟเพื่อสุขภาพที่ผ่านการสกัดคาเฟอีนออกไปเกือบทั้งหมด แต่ยังคงความเป็นกาแฟที่หอมกรุ่น รสชาติเข้มข้นเหมือนเดิม 

2. กาแฟสมุนไพร Hug Coffee

กาแฟเพื่อสุขภาพ ที่รวบรวมคุณประโยชน์ของกาแฟเข้ากับสารสกัดจากสมุนไพรหลากหลายชนิด อย่างถั่งเช่า โสม เห็ดหลินจือ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของบำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และปรับสมดุลร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมรับมือกับกิจกรรมในแต่ละวัน

3. CHAME’ Coffee ปราศจากไขมันทรานส์

กาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ปราศจากไขมันทรานส์ นอกจากนี้ยังมักจะมาพร้อมกับส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เช่น ใยอาหาร หรือสารสกัดที่ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้คุณดื่มกาแฟได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องไขมันสะสม หรือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

4. เพรียว คอฟฟี่ สูตรพลัส แอลคาร์นิทีน

ถ้าพูดถึงกาแฟสุขภาพสายควบคุมน้ำหนัก เพรียว คอฟฟี่ สูตรพลัส แอลคาร์นิทีน กรดอะมิโนที่ช่วยในการเร่งการเผาผลาญพลังงาน นอกจากนี้ยังเป็นกาแฟที่ไม่มีน้ำตาล รสชาติดี ไม่ขมเกินไป การดื่มกาแฟเพรียว Coffee Plus ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย อาจช่วยให้การลดน้ำหนัก และการกระชับสัดส่วนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. กาแฟ We Coffee

We Coffee เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพอีกหนึ่งแบรนด์ ที่มีสารสกัดจากสมุนไพรกว่า 23 ชนิด เช่น เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า โสม และวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย มีส่วนช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ลดระดับน้ำตาลในเลือด และบำรุงภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ We Coffee เป็นมากกว่ากาแฟธรรมดา

6. Mizumi Bomi Coffee Bio S

สำหรับผู้ที่มองหา กาแฟเพื่อสุขภาพ ที่เน้นการดูแลหุ่น และระบบขับถ่าย Mizumi Bomi Coffee Bio S เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล และมีส่วนผสมที่โดดเด่นช่วยระบบเผาผลาญ และลำไส้ เมื่อดื่มแล้วให้ความรู้สึกสบายท้อง ถ่ายคล่อง

7. Bat Coffee Mct Oil

มาต่อกันที่กาแฟสุขภาพ ยี่ห้อไหนดีกับ Bat Coffee Mct Oil ที่ตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพแบบคีโต (Keto) ด้วยส่วนผสมของ MCT Oil (Medium Chain Triglycerides) ซึ่งเป็นกรดไขมันสายกลางที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ทันที ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

8. Naturegift Coffee Plus

แบรนด์กาแฟเพื่อสุขภาพระดับตำนานที่ต่างรู้จักกันดี อย่างเนเจอร์กิฟ โดดเด่นเรื่องการควบคุมน้ำหนัก ผสมแอลคาร์นิทีน โครเมียม และใยอาหาร ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่าเป็นกาแฟที่อร่อย กลมกล่อมแบบ 3in1 ดื่มง่ายในราคาประหยัด

9. FITNE กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง 3in1

อีกหนึ่งกาแฟเพื่อสุขภาพที่ไม่มีใครไม่รู้จัก กับกาแฟจาก FITNE ที่มีส่วนผสมใยอาหารสูงจากธรรมชาติ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น และยังถือว่าเป็นกาแฟที่มีหลากหลายสูตร เช่น กาแฟผสมคอลลาเจน กาแฟผสมแอลคาร์นิทีน กาแฟผสมสารสกัดจากถั่วขาว ซึ่งแต่ละสูตรก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟทั่วไปมาดื่มกาแฟที่ดีต่อสุขภาพ

10. เพรียว คอฟฟี่ สูตรไฟเบอร์สูง

สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลระบบขับถ่ายเป็นพิเศษ เพรียว คอฟฟี่ สูตรไฟเบอร์สูง คือกาแฟที่ตอบโจทย์คุณได้ เป็นกาแฟที่เพิ่มปริมาณใยอาหาร หรือที่เรียกกันว่าไฟเบอร์ มีส่วนช่วยในการเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น เป็นกาแฟที่ไม่มีน้ำตาล แถมแคลอรี่ต่ำอีกด้วย ดื่มได้ทุกวันแบบไม่รู้สึกผิด


เคล็ดลับการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพให้ได้ประโยชน์สูงสุด

 

ผู้หญิงจิบกาแฟเพื่อสุขภาพพร้อมอ่านหนังสือ

 

- ดื่มกาแฟในช่วงเวลาที่เหมาะสม : การดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพให้ได้ผลดีที่สุด ไม่ควรดื่มทันทีหลังตื่นนอน ควรรอให้ร่างกายได้ตื่นเต็มที่ก่อนประมาณ 1-2 ชั่วโมง และเลือกดื่มช่วงเช้าถึงบ่ายจะดีที่สุด เพราะคาเฟอีนจะช่วยให้สมองตื่นตัว และพร้อมลุยงาน 

- ไม่ควรดื่มขณะท้องว่าง : หลายคนดื่มกาแฟตอนเช้าโดยไม่ได้ทานอาหารก่อน อาจส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารหลั่งออกมามากเกินไป ทำให้แสบกระเพาะ หรือปวดท้อง ควรดื่มกาแฟหลังจากทานอาหารเบา ๆ

- จำกัดปริมาณต่อวัน : แม้กาแฟสุขภาพจะมีประโยชน์ แต่การดื่มในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียได้ ควรจำกัดปริมาณการดื่มอยู่ที่ 1-2 แก้วต่อวัน 

- ดื่มควบคู่กับการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดี : กาแฟเพื่อสุขภาพเป็นเพียงตัวช่วยเท่านั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามที่สามารถทำควบคู่ไปกับการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพด้วยก็คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ 


เปิดประสบการณ์กาแฟเพื่อสุขภาพไปกับ BENO ดื่มดี มีประโยชน์ทุกวัน

ทำไมเราจะดื่มกาแฟและมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกันไม่ได้ พบกับกาแฟเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ทำให้สมองกะปรี้กะเปร่าอย่างเดียว แต่ยังดีต่อร่างกายอีกด้วย กาแฟหอม ๆ ที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ หรือกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาล ที่ดื่มแล้วสดชื่น แถมหุ่นดี แล้วถ้าอยากชงกาแฟสุขภาพแบบอร่อย ง่าย ๆ ที่บ้านต้องมีผู้ช่วยดี ๆ อย่าง เครื่องชงกาแฟ BENO รุ่น PRO-FLEX เครื่องเดียวเอาอยู่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องง้อบาริสต้า และที่พิเศษสุด! ตอนนี้มีโปรเด็ดจาก Shopee เพียงใส่โค้ด BENOA200 รับไปเลย ส่วนลดพิเศษ 200 บาท บอกเลยว่าสายเฮลตี้ห้ามพลาด! มาเริ่มต้นวันดี ๆ ด้วยกาแฟที่ดีต่อใจและดีต่อสุขภาพไปพร้อมกัน!

 

เครื่องชงกาแฟสุขภาพ


More articles