Ristretto คืออะไร? กาแฟช็อตเล็กที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
Ristretto คือ การยกระดับประสบการณ์เอสเปรสโซ่ไปอีกขั้น ด้วยเทคนิคการสกัดแบบพิเศษที่ใช้น้ำน้อยกว่าปกติ การใช้น้ำน้อยในการชงนี้ ช่วยดึงรสชาติตัวเด่นของกาแฟออกมาแบบพอดี ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือช็อตกาแฟ ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติเข้มข้น แต่กลับให้ความหวานละมุน ถ้าคุณเป็นคนชอบกาแฟรสชาติเข้ม ๆ แต่ไม่ได้ขมจนเกินไป และยังชอบความหวานแบบธรรมชาติของกาแฟด้วยแล้วล่ะก็.. Ristretto นี่แหละคือสวรรค์ของคอกาแฟตัวจริง! Ristretto จะทำให้คุณหลงรักกาแฟมากขึ้นไปอีก
ความแตกต่าง Ristretto กับ Espresso กาแฟสองสไตล์ที่คล้ายกัน

ถ้าพูดถึงกาแฟช็อตเข้มข้น หลายคนคงนึกถึง Espresso เป็นอันดับแรก แต่รู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งจัวเลือกที่เข้มข้นไม่แพ้กันเลยก็คือ Ristretto และแม้ว่าทั้ง Espresso และ Ristretto จะมีวิธีชงที่คล้ายกัน แต่ความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละ ที่สร้างรสชาติ และสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และวันนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างของ Ristretto กับ Espresso โดยการแบ่งออกเป็นข้อ ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น
1. ปริมาณน้ำที่ใช้
-
Ristretto : ใช้น้ำในการสกัดกาแฟน้อยกว่า ใช้น้ำเพียงครึ่งเดียวหรือประมาณ 15-20 มิลลิลิตรเท่านั้น
-
Espresso : ใช้น้ำในการสกัดกาแฟมากกว่า ใช้น้ำประมาณ 30 มิลลิลิตร
2. ระยะเวลาการสกัด
-
Ristretto : เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่น้อยกว่า การสกัด Ristretto ใช้เวลาสั้นกว่า กระบวนการนี้ช่วยให้รสชาติของกาแฟมีความหวานและละมุนมากขึ้น
-
Espresso : สกัดเป็นระยะเวลานานกว่า ทำให้ได้รสชาติที่มีความขม และเข้มกว่า
3. รสชาติและกลิ่น
-
Ristretto : มีรสชาติที่เข้มข้น หวาน และเนียนนุ่มกว่า โดยจะเน้นไปที่กลิ่นหอมและรสสัมผัสของกาแฟ
-
Espresso : มีรสชาติที่ขมกว่าและซับซ้อนกว่า เนื่องจากการสกัดที่นานขึ้นทำให้มีสารแทนนินและน้ำมันจากกาแฟออกมามากขึ้น
4. ปริมาณคาเฟอีน
-
Ristretto : ถึงแม้ว่า Ristretto จะมีรสชาติเข้มข้นกว่า แต่ใช้น้ำสกัดที่น้อย ทำให้ดึงคาเฟอีนได้ออกมาในปริมาณที่น้อยกว่า Espresso
-
Espresso : มีปริมาณคาเฟอีนมากกว่า เนื่องจากปริมาณน้ำที่ใช้สกัดกาแฟมากขึ้น ทำให้ดึงคาเฟอีนออกมา
5. วิธีการดื่ม
-
Ristretto : มักจะถูกดื่มเป็นช็อตเดียวเพื่อให้สัมผัสกับรสชาติที่เข้มข้น พร้อมกับความหวานละมุน
-
Espresso : สามารถดื่มเป็นช็อตเดียว หรือใช้เป็นเบสในการทำเมนูกาแฟอื่น ๆ เช่น Americano, Cappuccino หรือ Latte
Ristretto กับรสชาติที่พิเศษ อะไรทำให้กาแฟนี้แตกต่างจากกาแฟชนิดอื่น

สำหรับนักดื่มกาแฟที่หัวใจร่ำร้องหารสชาติที่กลมกล่อม เข้มข้น เกินกว่า Espresso ทั่วไป Ristretto คือชื่อที่คุณต้องจดจำ! รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ จากการรังสรรค์ที่พิถีพิถัน และทำไม Ristretto ถึงมีรสชาติที่พิเศษที่ครองใจคอกาแฟผู้หลงใหลในความเข้มข้น
-
ปริมาณน้ำในการสกัดที่น้อยกว่า ทำให้ Ristretto มีความพิเศษ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น และละมุน
-
ระยะเวลาการสกัดของ Ristretto ช่วยให้ได้รสชาติหวาน กลมกล่อม และเข้มข้น โดยไม่ดึงความขมออกมามากจนเกินไป รสชาติจึงออกมาลงตัวสุด ๆ
-
การสกัด Ristretto ในช่วงแรกของกระบวนการดึงเฉพาะน้ำตาล และน้ำมันหอมระเหยจากกาแฟออกมาก่อน ความขมที่เกิดจากสารแทนนินของ Ristretto จึงมีน้อย ทำให้มีรสชาติที่หวานโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล
-
Ristretto กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟที่ถูกคั่วมาอย่างดีจะโดดเด่น และชัดเจนขึ้นมา
-
Ristretto มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น และเนียนนุ่ม เนื่องจากมีความเข้มข้นสูง ทำให้ได้สัมผัสที่แน่น ซึ่งเป็นสัมผัสที่หาได้ยากจากกาแฟชนิดอื่น
วิธีการชง Ristretto ให้อร่อยในทุกช็อต

การชงริสเทรตโต (Ristretto) ให้อร่อยนั้นไม่ได้ซับซ้อน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจในปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อรสชาติ และการควบคุมกระบวนการอย่างพิถีพิถัน
1. เลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ
การเลือกเมล็ดกาแฟที่ดีเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด เพราะรสชาติของกาแฟจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดีจะมีความหอมและรสชาติ หากต้องการให้ Ristretto ของคุณมีรสชาติที่ดี ควรเลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วกลางถึงคั่วเข้ม เพราะรสชาติจากการคั่วระดับนี้จะมีความเข้มข้นและทำให้รสชาติของ Ristretto ออกมาดีที่สุด
2. กำหนดขนาดของการบดกาแฟ
การบดกาแฟให้ละเอียดเกินไปจะทำให้การสกัดมีความขมมากเกินไป ขณะที่การบดหยาบเกินไปจะทำให้กาแฟมีรสชาติอ่อนลง ดังนั้นควรบดกาแฟในระดับที่ละเอียดพอเหมาะกับการทำ Ristretto แต่ไม่ควรละเอียดเกินไป
3. ปริมาณน้ำที่ใช้
การสกัด Ristretto จะใช้น้ำประมาณ 15 - 20 มิลลิลิตร เท่านั้น ซึ่งช่วยให้รสชาติมีความเข้มข้นได้เต็มที่ โดยไม่เจือจางจากน้ำมากเกินไป ช่วยให้ได้รับรสชาติที่คมชัดจากสารประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ในเมล็ดกาแฟ
4. อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม
ควรตั้งอุณหภูมิของน้ำให้ร้อนระหว่าง 90 - 96 องศาเซลเซียส เพื่อให้การสกัดออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ หากอุณหภูมิของน้ำสูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้การสกัดออกมาไม่สมบูรณ์และรสชาติจะไม่ดีเท่าที่ควร
5. การเซตเวลาในการสกัด
การทำ Ristretto ควรสกัดภายในเวลา 15-20 วินาที ซึ่งจะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยสารหอมที่มาจากเมล็ดกาแฟ หากสกัดนานเกินไปอาจทำให้กาแฟมีรสขม หรือหากสกัดน้อยเกินไปจะทำให้รสชาติอ่อนเกินไป
Q&A คำถามที่สาวกกาแฟอยากรู้เกี่ยวกับ Ristretto

1. Ristretto มีปริมาณคาเฟอีนเท่าไหร่?
เนื่องจากริสเทรตโตใช้น้ำน้อยกว่าและมีเวลาสกัดที่สั้นกว่า ทำให้ปริมาณคาเฟอีนที่สกัดออกมาต่อช็อตน้อยกว่า Espresso โดยเฉลี่ยแล้ว Ristretto หนึ่งช็อต ประมาณ 15 - 20 มิลลิลิตร จะมีคาเฟอีนประมาณ 63 มิลลิกรัม (ตัวเลขนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ชนิดของเมล็ดกาแฟ ระดับการคั่ว และเครื่องชง)
2. Ristretto สามารถนำไปทำเมนูกาแฟอะไรได้บ้าง?
- Ristretto on Ice : นำกาแฟ Ristretto มาผสมกับน้ำแข็ง เป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่เย็นสดชื่นเหมาะกับวันที่อากาศร้อน
- Ristretto Latte : Ristretto กับนมสดจะให้รสชาติที่นุ่มนวลมากขึ้น ช่วยลดความขมจากกาแฟ แต่ยังคงความเข้มข้นและความหอมของกาแฟได้ดี โดยมีอัตราส่วนกาแฟกับนมประมาณ 1:2 หรือ 1:3 ขึ้นอยู่กับความชอบ
- Ristretto Affogato : เมนูที่ผสมกาแฟกับไอศกรีม โดยการราด Ristretto ที่สดใหม่ลงบนไอศกรีม วานิลลา หรือรสชาติที่ชอบ จะได้รสชาติที่เข้มข้นจากกาแฟและหวานเย็นจากไอศกรีม เป็นเมนูที่อร่อย น่าลิ้มลอง
3. กาแฟ Ristretto ควรใช้เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับไหน ?
สำหรับการทำกาแฟ Ristretto ควรเลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วในระดับกลาง (Medium Roast) หรือ เข้ม (Dark Roast) ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน หากชื่นชอบรสชาติที่สมดุลระหว่างความเข้มข้น และกรดที่น้อยลง ควรเลือกเมล็ดกาแฟคั่วกลาง แต่หากต้องการกาแฟที่มีความเข้มข้นสูงและรสขมเด่นชัด การคั่วเข้มจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
สกัด Ristretto เข้มข้นถึงใจด้วยเครื่องชงกาแฟ BENO
การสกัด Ristretto ด้วยเครื่องชงกาแฟ BENO จะทำให้คุณได้สัมผัสรสชาติที่เข้มข้น และกลมกล่อมอย่างแท้จริง เครื่องชงกาแฟ BENO สามารถดึงรสชาติที่ดีที่สุดจากกาแฟออกมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการบาริสต้าในบ้านของตัวเองได้อย่างที่ใจต้องการ และตัวเลือกที่จะมาทำให้การชงกาแฟของคุณนั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เครื่องชงกาแฟรุ่น PRO-FLEX จาก BENO ด้วยฟังก์ชันที่สามารถ บด ชง และตีฟอง ได้ในเครื่องเดียว ทำให้คุณสามารถเตรียมกาแฟสุดโปรดได้ทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็นกาแฟร้อน กาแฟเย็นก็สามารถรังสรรค์ได้อย่างง่ายดาย และตอนนี้ยังมีส่วนลดพิเศษ 200 บาท เมื่อใช้โค้ด BENOA200 ที่ Shopee ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการซื้อเครื่องชงกาแฟที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างครบวงจร อย่ารอช้า รีบเลย!